teamLab Planets TOKYO เปิดโลกศิลปะสุดล้ำแห่งเดียวในโตเกียว!
6,361 ครั้ง
8 ก.พ. 2566
6,361 ครั้ง
8 ก.พ. 2566
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าประเทศญี่ปุ่นเป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางในฝันของใครหลายๆ คน และกรุงโตเกียวก็ยังเป็นเมืองที่คนไทยไปเที่ยวอยู่ไม่น้อย ด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่ตอบโจทย์ในเกือบทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นวัด ศาลเจ้า แหล่งช้อปปิ้ง ร้านอาหาร รวมทั้งงานศิลปะ ในวันนี้ทริปเก็ทเตอร์จะพาทุกๆ คนไปเช็คอินแลนด์มาร์กอีกแห่งหนึ่งของโตเกียวกันอย่าง teamLab Planets TOKYO เปิดโลกศิลปะสุดล้ำแห่งเดียวในโตเกียว! ที่บอกเลยว่าต้องลองไปใช้เวลาดื่มด่ำความอลังการให้ได้สักครั้ง!
teamLab Planets TOKYO พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่สุดอาร์ต แลนด์มาร์กอีกแห่งหนึ่งของโตเกียว ในย่านโทโยสุ (Toyosu) เขตโคโต (Koto) พิพิธภัณฑ์ที่จะมอบสัมผัสใหม่แห่งการดื่มด่ำงานศิลปะผ่านสีสันจากสื่อดิจิทัลสุดอลังการ พร้อมจะพาผู้มาเยือนเข้าสู่โลกที่เป็นหนึ่งเดียวกับศิลปะอย่างกลมกลืน
การเข้าชมเราสามารถซื้อบัตรออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ teamlabplanets.dmm.com ได้เลย และสามารถเข้าคิวเพื่อสแกนคิวอาร์โค้ดเข้างานได้แบบสบายๆ หรือสำหรับใครที่ไม่ได้ซื้อบัตรมาล่วงหน้าก็สามารถซื้อได้ที่จุดจำหน่ายตั๋วด้านหน้าอาคารได้เลย
ก่อนเข้าสู่อาคารจัดแสดง จะมีพนักงานอธิบายข้อปฏิบัติ รวมทั้งคำแนะนำในการเข้าชม ซึ่งตลอดทั้งการเข้าชมเราจะต้องถอดถุงเท้าและรองเท้า รวมทั้งบางห้องจัดแสดงจะต้องเดินลุยน้ำ แต่ไม่ต้องกังวลเพราะทางพิพิธภัณฑ์จะมีกางเกงขาสั้นให้ยืมเปลี่ยนฟรี ทั้งกางเกงผู้ชายและผู้หญิงเลย และเมื่อเข้าสู่ตัวอาคารแล้ว จะมีโซนล็อคเกอร์ให้บริการฝากกระเป๋า รองเท้า และสิ่งของมีค่า โดยเมื่อปิดล็อคเกอร์แล้ว เราสามารถนำกุญแจมาคล้องมือได้เลย
เปลี่ยนชุดเตรียมความพร้อมเรียบร้อย ก็ลุยเข้าสู่โลกของศิลปะได้เลย ซึ่งส่วนแรกจะเป็นพื้นที่ของ water area ที่จะมีการจัดแสดงงานศิลปะบนผิวน้ำด้วย ทางเดินเข้าสู่ห้องแรกจะเป็นโถงทางเดินยาวที่มีเพียงแสงสว่างจากดวงไฟที่ส่องสลับกันเป็นครึ่งวงกลมตามพื้นเท่านั้น
เมื่อเดินมาจนสุดทางเลี้ยวและโค้งมา เราก็จะพบกับส่วนจัดแสดงแรก นั่นก็คือ น้ำตกแห่งแสง (Waterfall of Light) ซึ่งเป็นทางเดินน้ำที่เอียงขึ้นสู่ด้านบน โดยน้ำตกแห่งแสงได้แรงบันดาลใจมาจากน้ำตกในภูเขาที่ชิโกกุ (Shikoku) ความสวยงามของน้ำตกแห่งแสงเกิดจากเมื่อขณะที่น้ำตกไหลอย่างไม่ขาดสาย สายน้ำจะเต็มไปด้วยอนุภาคเล็กๆ มากมายหรือน้ำที่แตกตัวกัน เมื่อสายน้ำกระทบกับแสงสีขาวก็จะทำให้อนุภาคเล็กๆ เหล่านั้นเด่นชัดขึ้น อีกทั้งแสงที่ตกกระทบกับน้ำทำให้ทางเดินขึ้นสู่ยอดสว่างไสวขึ้นอย่างชัดเจน
เดินสบายๆ เอาเท้าสัมผัสสายน้ำมาจนถึงด้านบนสุดของทางเดินน้ำ จะพบกับสายน้ำที่สว่างไสวคล้ายกับเส้นของแสงที่ไหลลงสู่พื้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เป็นความประทับใจแรกเมื่อเข้าสู่ teamLab Planets TOKYO
เมื่อเดินผ่านน้ำตกแห่งแสงมาแล้ว ก็จะมีห้องที่บริการผ้าขนหนูสำหรับเช็ดเท้าให้อีกด้วย สะดวกสบายสุดๆ
ห้องจัดแสดงถัดมาคือ Soft Black Hole เป็นห้องจัดแสดงที่ปรับมาจากชีวิตประจำวันของผู้คน ด้วยทางเดินและพื้นผิวที่เราใช้อยู่เป็นประจำนั้น มีสภาพที่แน่นอน เรียบ และสะดวก จึงทำให้ผู้คนมักจะไม่ได้นึกถึงร่างกายและมวลกายของตัวเองมากนัก Soft Black Hole จึงเป็นงานศิลปะที่จะทำให้เราหันกลับมามองร่างกายของตัวเองมากขึ้น เพราะทั่วทั้งห้องจะเป็นทางเดินที่สามารถเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ตามมวลกายของผู้คนที่เดินผ่าน ซึ่งในการเดินช่วงเท้าของเราก็จะจมลงไปตามน้ำหนักตัวและทิ้งสภาพพื้นที่ไว้แบบนั้น เมื่อคนที่ตามหลังเรามาก็จะพบกับสภาพพื้นผิวที่เราทิ้งไว้ ดังนั้นพื้นที่จัดแสดงแห่งนี้จึงเป็นเหมือนงานศิลปะที่เชื่อมเรากับคนอื่นๆ เข้าด้วยกันและมีปฏิสัมพันธ์กันผ่านพื้นที่ในการเดิน บอกเลยว่าห้องนี้ทั้งสนุกและท้าทายการเดินมากๆ เลยล่ะ
เดินตามทางเดินมาเรื่อยๆ ก็จะพบกับความอลังการของ The Infinite Crystal Universe หรือจักรวาลแห่งคริสตัลที่ไม่มีจุดสิ้นสุด นิทรรศการในส่วนนี้ตระการตาไปด้วยแสงสีจุดเล็กๆ นับล้านที่เคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ตอนสลัวๆ ก็สวยมาก เหมือนยืนอยู่ท่ามกลางหมู่ดาวสุดๆ
เมื่อเข้าไปแล้วราวกับว่าเราได้อยู่ท่ามกลางโลกแห่งแสงที่สามารถจับต้องได้ นอกจากทั่วทั้งห้องจะเต็มไปด้วยคริสตัลแสงมากมายแล้ว พื้นของห้องยังเป็นพื้นกระจกที่สะท้อนภาพแสงสีอย่างไม่มีที่สิ้นสุดอีกด้วย ไฮไลท์ของห้องนี้คือเราสามารถเลือกรูปแบบและทิศทางของแสงและสีได้อย่างอิสระผ่านแอปพลิเคชั่นของ teamLab ได้
ตื่นตาตื่นใจกับแสงสีไปแล้ว ก็มาดื่มด่ำความสวยงามกันต่อที่ห้องถัดมา ซึ่งมีแนวคิดคือ Drawing on the Water Surface Created by the Dance of Koi and People – Infinity หรือเป็นงานศิลปะที่เป็นการวาดภาพดิจิทัลลงบนผิวน้ำ ซึ่งภาพวาดจะมีอยู่อย่างหลากหลายรูปแบบ โดยจะเน้นเป็นภาพของเหล่าดอกไม้นานาชนิดที่ผลิบานในฤดูที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นดอกไม้ในฤดูหนาว ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูใบไม้ร่วง รวมทั้งดอกซากุระ
นอกจากนี้ยังมีภาพเคลื่อนไหวของเหล่าปลาคาร์ปที่แหวกว่ายไปมาทั่วทั้งผืนน้ำ โดยไฮไลท์และความพิเศษของนิทรรศการส่วนนี้ก็คือรูปแบบการว่ายของปลาคาร์ปจะแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับการเคลื่อนที่ของเรา และเมื่อปลาคาร์ปว่ายมาถูกตัวเราก็จะฟุ้งกระจายออกเป็นกลีบดอกไม้ตามฤดูกาลต่างๆ งานศิลปะในห้องนี้จึงเหมือนกับว่ามีชีวิตและมีปฏิสัมพันธ์กับเราด้วย อีกทั้งยังมีการออกแบบภาพวาดดิจิทัลที่แตกต่างกันออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุดอีกด้วย
แอบกระซิบเพิ่มว่าไม่ต้องกลัวว่าน้ำจะเย็นนะ เพราะทางพิพิธภัณฑ์ได้คุมอุณหภูมิของน้ำไว้ จึงทำให้น้ำอุ่นกำลังดีแบบสุดๆ เลย ผ่อนคลายมากๆ
นอกจากนี้ด้านมุมของห้อง ยังมีห้องเล็กๆ ที่จัดแสดงภาพที่ได้จำลองการลุกโชนของเปลวเพลิงจากจอภาพสะท้อนลงสู่ผืนน้ำเป็นภาพขนานที่สวยงาม ตามแนวคิด Matter is Void – Fire ด้านหน้าของจอแสดงภาพดิจิทัลจะมีที่นั่งให้ได้นั่งโพสท่าสวยๆ โดยมีงานศิลปะเป็นฉากหลังอีกด้วย
ห้องถัดมาเป็นการจัดแสดง Expanding Three-Dimensional Existence in Transforming Space – Free Floating, Flattening 3 Colors and 9 Blurred Colors ซึ่งจะเป็นห้องที่เต็มไปด้วยบอลลูนสีขาวมากมายที่เกาะกลุ่มกันอยู่ เมื่อเราเคลื่อนไหวหรือสัมผัสโดนบอลลูนเหล่านี้ก็จะเปลี่ยนสีแตกต่างกันออกไป และด้วยความที่บอลลูนเกาะกลุ่มกันและการกระจายของแสงสีแตกต่างกันออกไป จึงทำให้รูปที่ถ่ายภายในห้องมีความเป็นสามมิติอีกด้วย
สีของบอลลูนมีเยอะมาก และทุกครั้งที่เริ่มเปลี่ยนสี ก็จะมีการค่อยๆ ไล่ระดับสีอีกด้วย ถ่ายรูปสวยสุดๆ ไปเลย
มาต่อกันกับห้องจัดแสดงห้องสุดท้ายของ water area ที่มาพร้อมกับแนวคิด Floating in the Falling Universe of Flowers ซึ่งจะพาผู้เข้าชมปล่อยใจสบายๆ ล่องลอยไปกับกลีบดอกไม้นานาชนิดที่ปลิวฟุ้งกระจัดกระจายอยู่ทั่วจักรวาล ในห้องนี้เราสามารถนั่งหรือนอนชมความสวยงามของภาพวาดดิจิทัลที่แสดงถึงวัฏจักรของเหล่าดอกไม้ที่ผ่านการเติบโตและร่วงโรยปลิดปลิวอย่างอิสระ ถือเป็นอีกหนึ่งห้องที่มีความสวยงามมากๆ เลย
เดินชมนิทรรศการในส่วนแรกครบแล้ว เราก็กลับมาสวมถุงเท้าและแจ็คเก็ท ก่อนที่จะไปลุยกันต่อกับส่วนจัดแสดงที่ 2 นั่นก็คือ garden area โดยห้องแรกของโซนนี้จะตั้งอยู่ภายนอกของตัวอาคารหรือเอาท์ดอร์ ที่จำลองความเป็นเรือนกระจก ภายในเป็นพื้นที่ที่เป็นเหมือนหุบเขาปกคลุมไปด้วยมอส โดยมีวัตถุรูปทรงไข่ตั้งกระจายกันอยู่ทั่ว นิทรรศการก็นี้คือ Moss Garden of Resonating Microcosms – Solidified Light Color, Sunrise and Sunset ซึ่งไฮไลท์ความสวยงามขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติ ทั้งแสงแดด สายลม ฝน
ในตอนกลางวันแสงอาทิตย์จะสะท้อนกับสีเงินแวววาวของวัตถุรูปทรงไข่ และเมื่อมีลมหรือเราไปสัมผัสวัตถุนั้น ก็จะล้มลงและตั้งขึ้นมาได้เอง อีกทั้งยังมีเสียงเบาๆ ดังออกมาก และเมื่อวัตถุรูปทรงไข่อื่นๆ ที่อยู่รอบข้างจับเสียงได้ ก็จะมีเสียงส่งต่อกันเป็นทอดๆ จนทั่วทั้งพื้นที่
นิทรรศการที่เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของ teamLab Planets TOKYO นั่นก็คือ Floating Flower Garden: Flowers and I are of the Same Root, the Garden and I are One งานศิลปะที่มีชีวิตสุดอลังการพร่างพราวไปด้วยกล้วยไม้นานาชนิดนับพัน ล่องลอยโดยอาศัยความชื้นจากอากาศในการออกดอกหลากสีสัน ที่ที่เรากับเหล่ากล้วยไม้สามารถเชื่อมเป็นหนึ่งเดียวกันได้ ผ่านพื้นที่ว่างระหว่างรากของกล้วยไม้ ภายในพื้นที่ของสวนมีกระจกสะท้อนอยู่ทั่วทุกมุม จึงทำให้สวนดูมีมิติ กว้างขวาง แถมยังถ่ายรูปสวยอีกด้วย
ได้มายืนอยู่ท่ามกลางกล้วยไม้แบบนี้ สดชื่นมากๆ เลย
นอกจากนี้ด้านหน้าของอาคารจัดแสดงนิทรรศการ ยังมีร้าน Vegan Ramen UZU ซึ่งเป็นร้านอาหารแนว Vegen ให้ออกมานั่งชิลล์ๆ อีกด้วย เมนูในร้านก็มีทั้งไอศกรีม ชา และราเมง แถมโต๊ะที่อยู่ด้านในร้านและด้านนอกยังเป็นงานศิลปะสุดอาร์ต เพราะจะเป็นโต๊ะกระจกที่สะท้อนภาพท้องฟ้า บอกเลยว่าถ่ายรูปมุมนี้ก็สวยสุดๆ
สำหรับการเดินทางมาที่ teamLab Planets TOKYO สามารถนั่งรถไฟฟ้าสาย Yurikamome Line ไปลงที่สถานี Shin-Toyosu ได้เลย ซึ่งพิพิธภัณฑ์จะอยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้า เดินเพียง 5 นาทีก็ถึงแล้ว
teamLab Planets TOKYO ถือเป็นที่เที่ยวโตเกียวที่ควรค่าแก่การมาอีกแห่งหนึ่ง ที่ที่จะพาทุกๆ คน ไปเปิดประสบการณ์สัมผัสศิลปะสมัยใหม่ที่สร้างสรรค์ด้วยสื่อดิจิทัล พิพิธภัณฑ์ที่ผู้คนสามารถเข้าไปเป็นหนึ่งเดียวกับงานศิลปะและมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นๆ ได้อย่างกลมกลืน ใครที่กำลังมองหาที่เที่ยวโตเกียวที่ตอบโจทย์ทั้งการมาเที่ยวแบบครอบครัว กลุ่มเพื่อน หรือสายถ่ายรูป ต้องห้ามพลาดที่นี่เลย!
* เวลาที่เปิดพิเศษ:
วันจันทร์ ที่ 20 มีนาคม, วันพุธ ที่ 22 มีนาคม – วันศุกร์ ที่ 24 มีนาคม เวลา 9:00 – 21:00 น.
วันเสาร์ ที่ 25 มีนาคม – วันอาทิตย์ ที่ 2 เมษายน, วันเสาร์ ที่ 29 เมษายน – วันอาทิตย์ ที่ 30 เมษายน เวลา 9:00 – 22:00 น.
* รอบสุดท้ายเปิดให้เข้าชมก่อนปิด 1 ชั่วโมง
เป็นอย่างไรกันบ้างกับ teamLab Planets TOKYO เปิดโลกศิลปะสุดล้ำแห่งเดียวในโตเกียว! รับรองว่าได้ไปแล้วคุ้มแน่นอน หรือถ้าใครอยากซ้อมไปหอศิลป์ที่ไทยกันก่อน เราก็มี 5 หอศิลป์กลางกรุง เดินเสพงานอาร์ต พร้อมได้รูปสวย มาให้ลองไปเช็คอินเล่นๆ กันด้วย