tripgether.com

รวมอันซีน 5 วัดกลางน้ำเมืองไทย อิ่มบุญอิ่มใจ เที่ยวได้ทุกฤดู

36,336 ครั้ง
3 พ.ค. 2562

เมืองไทยมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายทั้งสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่งดงามและวัดวาอารามที่สวยงามแต่วันนี้ ทริปเก็ทเตอร์ เอา 5 วัดสุดอันซีนที่มีทั้งประวัติและเรื่องเล่ามากมายและที่สำคัญยังตั้งอยู่เหนือน้ำเหนือทะเลมาฝากเพื่อนๆ ให้เพื่อนๆ ตามไปเก็บภาพความสวยงามให้เพื่อนๆ ทั้งอิ่มใจและอิ่มบุญไปพร้อมๆ กันกับรวมอันซีน 5 วัดกลางน้ำเมืองไทย อิ่มบุญอิ่มใจ เที่ยวได้ทุกฤดู


1.วัดหงษ์ทอง – ฉะเชิงเทรา

มาเริ่มต้นที่หนึ่งจุดเช็คอินสุดอันซีนอย่าง วัดหงษ์ทอง หรือวัดกลางน้ำ อีกหนึ่งจุดพักผ่อนหย่อนใจที่ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวใช้ที่นี่เป็นแหล่งยึดเหนี่ยวจิตใจอย่างไม่ขาดสาย วัดแห่งนี้ค่อนข้างแตกต่างจากที่อื่นๆ เพราะตั้งอยู่กลางทะเลและป่าชายเลน ด้านหน้าเป็นซุ้มพญานาค 9 เศียรและมีทางเดินทอดยาวไปยังมุมต่างๆ เข้าไปจะพบกับมุมรูปปั้นเรื่องเล่าพระอภัยมณีกลางน้ำ และถัดไปจะเป็นพระธาตุคงคามมหาเจดีย์ปรีชาประภากรองค์สีทองอร่าม ซึ่งภายในมีทั้งหมด 5 ชั้น ประดิษฐานพุทธรูปทั้งพระแก้วมรกต รอบพระบาทหลวงพ่อโสธร รวมถึงหุ่นขี้ผึ้งของหลวงปู่สด ส่วนด้านหลังมีระเบียงให้รับลมชมวิวกันแบบกว้างๆ 180 องศา และปิดท้ายต้องไม่พลาดไปชมจิตรกรรมฝาผนังในโบถส์กลางน้ำ ที่สวยงามไม่แพ้ใคร

Wat_Hong_Thong-20

Wat_Hong_Thong-20

Wat_Hong_Thong-20

Wat_Hong_Thong-20

Wat_Hong_Thong-20

Location: ต.สองคลอง อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา
Open-Close: เปิดบริการทุกวัน 06.00 – 20.00 น.
Phone: 038 528 367 
Facebook: วัดหงษ์ทอง l Wat Hongkong


2.วัดวังวิเวการาม – สังขละบุรี

เมืองบาดาล หรือ วัดวังวิเวการามหลังเก่า อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ที่เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวสุดอันซีนของเมืองไทย หรือที่คนในพื้นที่รู้จักกันในชื่อ วัดหลวงพ่ออุตตมะ ซึ่งเป็นวัดที่หลวงพ่ออุตตมะร่วมกับชาวกะเหรี่ยงและชาวมอญศรัทธาสร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ 2496 ซึ่งตัววัดตั้งอยู่บนเนินสูงหรือที่เรียกว่า สามประสบ ซึ่งเป็นจุดที่แม่น้ำสามสายไหลลงมารวมกัน คือแม่น้ำซองกาเลีย แม่น้ำบีคลี่และแม่น้ำรันตีไหลมารวมกัน ต่อมาได้มีการสร้างเขื่อนวชิราลงกรณ์จึงทำให้น้ำในเขื่อนไหลเข้าท่วมตัววัดและตัวอำเภอสังขละบุรีทำให้วัดจมอยู่ใต้น้ำนานกว่าสิบปี ปัจจุบันเหลือแต่ซากปรักหักพังของตัวอุโบสถ ถ้าหากมาเดือนมีนาคม – เมษายน น้ำในตัวเขื่อจะลดลงทำให้เห็นตัวอุโบสถชัดเจนที่สุด ส่วนใครที่อยากนั่งเรือชมโบสถ์โผล่พ้นน้ำให้มาช่วงเดือนตุลาคม – มกราคม

DSC02581

DSC02643

DSC02609

DSC02678

DSC02698

Location: อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี
Price: ค่าเหมาเรือชม วัดจมน้ำและวัดสมเด็จ ราคา 400 บาท (ติดต่อเช่าเหมาเรือได้บริเวณลานจอดรถเจดีย์พุทธคยา)


3.วัดนิเวศน์ธรรมประวัติ – พระนครศรีอยุธยา

อีกหนึ่งเหตุผลของคนที่มาเที่ยวอยุธยาก็คือการหลีกหนีความวุ่นวายในเมืองกรุงฯ และอีกหนึ่งที่ของอยุธยาที่เงียบสงบก็คือ วัดนิเวศน์ธรรมประวัติ วัดที่เป็นสถปัตยกรรมโกธิคแบบตะวันตกที่ผสมผสานความเป็นศิลปะไทยได้อย่างลงตัว ด้วยความที่ตัววัดตั้งอยู่บนเกาะกลางน้ำฝั่งตรงข้ามกับพระราชวังบางปะอิน ทำให้ตรงนั่งกระเช้าข้ามแม่น้ำไปซึ่งเพื่อนๆ จะได้เห็นทั้งวิวแม่น้ำ วิววัดนิเวศน์ธรรมประวัติ และวิวของพระราชวังบางประอิน และภายในตัววัดยังร่มรื่นและมีอาคารสไตล์ยุโรปให้ถ่ายรูปแบบชิคๆ และอีกหนุ่งมุมที่เป็นไฮไลท์ก็คือพระอุโบสถที่สร้างแบบโบสถ์คริสต์แต่ประดิษฐานพระพุทธรูปเอาไว้ภายในและตัวองค์พระยังเล่นแสงกับกระจกสีที่สะท้อนเข้ามาภายในพระอุโบสถอีกด้วย

Wat_Niwet_Thammaprawat-21

Wat_Niwet_Thammaprawat-16

Wat_Niwet_Thammaprawat-22

Wat_Niwet_Thammaprawat-32

Wat_Niwet_Thammaprawat-8

Location: ตรงข้ามพระราชวังบางปะอิน ต.บ้านเลน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา
Open – Close: เปิดเวลา 05.30 – 21.00 น.
Facebook: วัดนิเวศธรรมประวัติราชวรวิหาร 


4.กว๊านพะเยา – พะเยา

มาต่อกันที่อีกหนึ่งอันซีนเมืองไทยกับทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือหรือ กว๊านพะเยา ที่เปรียบเสมือนแหล่งอารยะธรรมที่โอบล้อมด้วยดอยแม่ใจที่โอบล้อมกันไว้ซึ่งในตอนเช้าอากาศรอบๆ กว๊านพะเยา ยิ่งในตอนเช้าจะมีบรรยากาศที่เงียบสงบและมีกิจกรรมใส่บาตรในทุกๆ เช้า หลังจากที่ทำบุญใส่บาตรกันเสร็จแล้วก้สามารถนั่งเรือไปนมัสการหลวงพ่อศิลากลางกว๊านพะเยาได้อีกด้วย สำหรับหลวงพ่อศิลาเป็นพระพุทธรูปหินทรายปางมารวิชัยอายุกว่า 500 ปี ค้นพบปี 2526 กว๊านพะเยาจึงเป็นอีกหนึ่งสถานที่สุดอันซีนเมืองไทยที่ต้องลองมาให้ได้สักครั้งในชีวิต

payao1

payao2

payao3

payao4

Location: กว๊านพะเยา อ.เมือง จ.พะเยา 
Price: ค่าบริการเรือไปนมัสการหลวงพ่อศิลากลางกว๊านพะเยา 20 บาท/คน


5.พระกลางน้ำ, สมุทรสาคร

ปิดท้ายกันด้วยความอันซีนอีกสักหนึ่งที่ พระกลางน้ำ หรือที่หลายคนรู้จักกันในชื่อ ศาลาพระกลางน้ำ ศาลาแห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2541 ซึ่งเมื่อก่อนเป็นเพียงหอสังเกตุคุณภาพน้ำและเอาไว้เผ้าหอยแมลงภู่ จนเกิดการพังทลายและได้สร้างใหม่เลยนำ พระพุทธมหาสมุทร มาประดิษฐานและสร้างเป็นแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถนั่งเรือไปสักการะ และชมวิวชมธรรมชาติยามเย็นกันได้ด้วย โดยต้องสั่งอาหารกินที่ร้าน ครัวชายทะเลแล้วทางร้านจะพาไปชิลล์กันแบบฟรีๆ

Sumut_2

Location: ม.8 คลองตรง หมู่บ้านประมง ต.พันท้ายนรสิงห์ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร
Open-Close: เปิดบริการทุกวัน 8.00 – 21.00 น.
Fee: ไม่เสียค่าบริการ

 


ผู้เขียน

admin tripgether
สัญญาว่าจะเที่ยวให้ดีที่สุด!!

เรื่องที่คุณอาจสนใจ