ทริปแอ่วเหนือ 48 ชั่วโมงสุดม่วน เชียงใหม่ – ม่อนแจ่ม รวมจุดเช็คอิน เน้นกิน เน้นถ่ายรูป
5,578 ครั้ง
13 ส.ค. 2562
5,578 ครั้ง
13 ส.ค. 2562
เชียงใหม่ฟ้าหม่น หน้าฝนนี้เชียงใหม่ก็เที่ยวได้นะรู้ยัง? แถมถ้าขึ้นม่อนแจ่มยามฝนพรำแบบนี้ก็ไปเช็คอินฟินๆ ได้เก็บภาพบรรยากาศวิวดอยเย็นฉ่ำกับท้องทุ่งดอกเวอร์บีน่าไฮไลท์หน้าฝนของเชียงใหม่ได้ด้วยแหละ และแน่นอนว่านอกจากแวะไปแชะภาพกับความสดใสสีม่วงแล้วยังได้แวะไปแชะภาพชิคๆ กับสวนกระบองเพชรอีกด้วย นอกจากนั้นยังได้ไปแชะชิมชิลล์ใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์กับคาเฟ่เก๋ๆ ของเชียงใหม่ เรียกได้ว่ามาเชียงใหม่ครั้งนี้เราได้พักผ่อนกับครบจบในทริปเดียวเลยน้า
วันนี้เรายอมตื่นเช้าหน่อยเพื่อไปถึงเชียงใหม่เร็วมีเวลาได้เที่ยวหลายที่ เราเลือกขึ้นเครื่องจากสนามบินดอนเมืองเวลาประมาณ 6.50 น. นั่งเครื่องประมาณชั่วโมงนิดๆ เครื่องก็แลนด์ดิ้งที่เชียงใหม่ประมาณ 8.00 น. ไม่รอช้ารีบมุ่งหน้าไปยัง Makad Bed N Bar คืนนี้เรานอนกันที่นี่แหละ เราเลือกนั่งรถ RTC Chiang Mai City Bus สาย R3 วนขวา ในระหว่างที่ยืนรอรถสามารถใช้แอปพลิเคชั่น CM Transit หรือ ViaBus เพื่อดูตำแหน่งของรถเมล์ทุกสายได้แบบเรียลไทม์ดูได้เลยว่ารถใกล้ถึงเราหรือยัง สะดวกจริงๆ จ้า (รถออกทุก 20 นาที ให้บริการตั้งแต่ 6.00 น.- 23.30 น.) จ่ายค่ารถแค่ 20 บาท ใช้เวลานั่งรถประมาณ 20 นาทีจากสนามบินเชียงใหม่ก็มาถึง Makad Bed N Bar กันแล้ว
มากาดเป็นโฮสเทลลับๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในตรอกเล่าโจ๊ว ตลาดวโรรส หรือ กาดหลวง นั่นแหละจ้า เดินๆ มาถึงตรงทางขึ้นจะมีป้ายเขียนว่า ‘มากาด Makad ของฝาก เครื่องดื่ม ที่พัก’ ทางขึ้นจะเป็นบันไดเล็กๆ หน่อยเวลาเดินก็ระวังกันหน่อยน้า แต่พอขึ้นไปถึงก็ต้องบอกเลยว่าข้างบนเท่เก๋กู๊ดมากๆ
Makad Bed N Bar เป็นคาเฟ่&โฮสเทลที่รีโนเวทจากร้านขายผ้าของคุณปู่ที่ประสบอุบัติเหตุเพลิงไหม้ ถูกรีโนเวทใหม่ให้กลายมาเป็นคาเฟ่และโฮสเทลสุดโดดเด่นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสุดๆ พร้อมทั้งยังได้เห็นวิวกาดหลวงแบบพาโนราม่าอีกด้วย มากาด เปิดบริการเวลา 09.00 – 20.00 น. โทร.094 084 8479
โดยที่ชั้น 1 เป็นบาร์กาแฟสามารถสั่งเครื่องดื่มและอาหารได้ที่นี่ และสามารถนำขึ้นไปนั่งชิลล์บนดาดฟ้าได้ด้วย
ถัดจากคาเฟ่จะเป็นห้องพัก และแน่นอนว่าเราสองคนมาเที่ยวพักผ่อนกันแบบชิลล์ๆ จึงเลือกนอนห้อง Single ห้องพักขนาดกำลังดีนอนชิลล์ได้สองคน ภายในตกแต่งในสไตล์ Air BNB หลังจากที่เราเก็บกระเป๋ากันแล้ว จึงไปเช่ารถมอเตอร์ไซค์เพื่อขับขึ้นไปเที่ยวกันบนม่อนแจ่มกัน
โดยรถมอเตอร์ไซค์เช่าของที่นี่ราคาอยู่ที่ 200-300 บาทต่อวัน แล้วแต่ขนาดรถและรุ่นรถที่เราเลือก อ้อ ขี่รถมอไซค์ในเชียงใหม่อย่าลืมสวมหมวกกันน็อคกันด้วยน้า ตำรวจที่นี่เข้มมาก!! ตอนนี้ท้องเริ่มร้องแล้วตั้งแต่เช้าที่มาเชียงใหม่ยังไม่ได้กินอะไรกันเลย ลองหาร้านอร่อยของที่นี่ดูแล้วมีคาเฟ่น่าแวะเป็นทางผ่านไปม่อนแจ่มพอดี ไม่ต้องรีรอมุ่งหน้าไปยัง Chic 39 Bed Bar & Bakery กันโลด จากโฮสเทลมาถึงคาเฟ่ใช้เวลาประมาณ 20 กว่านาทีเอง
เดินเข้ามาข้างในตัวร้านค่อนข้างร่มรื่นมีต้นไม้นานาชนิดล้อมรอบทั้งในตัวร้านและนอกร้าน Chic 39 เปิดให้บริการทุกวันเวลา 10.00-20.00 น. โทร.092 275 3939
ภายในตัวร้านตกแต่งด้วยสไตล์มิกซ์แอนด์แมทช์โมเดิร์นผสมผสานกลิ่นอายของคนเชียงใหม่ที่มีความรักในวัฒนธรรมเมืองเหนือ โดยการเติมแต่งด้วยเบาะนั่งกับหมอนอิงและผ้าม่านสีสันสดใสลายพื้นเมืองผสมผสานกับความเป็นคนเมืองได้อย่างลงตัวทีเดียว
และนอกจากมุมน่ารักๆ ภายในตัวร้านแล้วยังมีทุ่งดอกคัตเตอร์สีขาวให้ได้ถ่ายรูปเล่นกันอีกด้วยแหละ แบบนี้ต้องเก็บภาพไปอัพลงโซเชียลซะหน่อย
เมนูที่เราเลือกกินกันในเช้านี้เป็น พิซซ่าเตาถ่านหน้าน้องกุ้ง ถาดเล็กราคา 175 บาท เป็นเมนูเด็ดที่ใครมาที่นี่ก็ต้องสั่งมารับประทานกันให้ได้เลย
อีกเมนูเรคคอมเมนด์ของร้านคือ ซี่โครงหมูอบน้ำผึ้ง ราคา 359 บาท เป็นซี่โครงหมูที่เนื้อเปื่อยมาก ไม่ต้องหั่นเนื้อก็หลุดจากกระดูกเลย แถมยังหอมและนุ่มมากด้วย
กินคาวไม่กินหวานไม่ได้ต้องต่อกันที่ ฮันนี่โทสต์มอสเซอเรลล่าชีส ราคา 179 บาท ขนมปังหนานุ่มฉ่ำเนยเสิร์ฟคู่มากับไอศกรีมวนิลลาและน้ำผึ้งป่าหอมหวาน
อิ่มท้องกันแล้ว รีบเดินทางต่อไปยังม่อนแจ่มกันเลย โดยใช้เวลาเดินทางจากร้านชิค คาเฟ่ประมาณ 40 นาทีได้ค่ะ การเดินทางค่อนข้างใช้เวลานิดหน่อยแต่ขึ้นไปถึงแล้วคุ้มนะบอกเลย
มาถึงม่อนแจ่มกันแล้วแวะชมวิวตรงทางเข้าแป๊บแล้วมุ่งหน้าเข้าไปยังไร่ดอกลมหนาวสถานที่ที่มีทุ่งดอกเวอร์บีน่าสีม่วงสดใสเต็มทุ่ง ก่อนจะเข้าไปเราต้องจ่ายค่าเข้าชมและบำรุงสถานที่คนละ 20 บาทนะจ๊ะ ตอนเราขึ้นมาถึงกันมีฝนตกนิดๆ ทำให้อากาศข้างบนเย็นสบายมาก แถมวิวดอยที่นี่ก็เขียวชอุ่มสบายตาสุดๆ พร้อมทั้งยังมีทุ่งดอกเวอร์บีน่าที่บานสะพรั่งสวยงามเต็มท้องทุ่งอีกด้วย
หลังจากดื่มด่ำกับการแชะภาพกับทุ่งเวอร์บีน่าแล้วยังไม่หนำใจเลย ลองหาข้อมูลดูแล้วยังมีอีกหนึ่งสถานที่ฮิตๆ ที่ใครมาเชียงใหม่แล้วต้องแวะมาถ่ายรูปคือ สวนพฤษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ นั่นเองจ้า ค่าเข้าที่นี่คนละ 40 บาทเท่านั้น
มานั่งแชะภาพกับต้นกระบองเพชรกันแบบชิคๆ ก็ได้รูปไปอัพไอจีรัวๆ แล้วจ้า
ภายในสวนพฤกษศาสตร์แห่งนี้ มีโซนให้ได้เดินเล่นบนเส้นทางเดินเหนือเรือนยอดไม้ หรืออีกหนึ่งชื่อเรียก “Canopy Walks” เป็นทางเดินที่มีความยาว 369 เมตร ให้ได้ศึกษาระบบนิเวศชั้นบนของป่าดิบแล้งและป่าดงดิบตามหุบเขา บอกเลยวิวด้านบนสวยงามมากๆ แถมได้รูปไว้โพสเท่ๆ ในไอจีด้วยนะเธอ
นั่งชิลล์ที่น้ำตกแป๊บจ้า
มุมถ่ายรูปของที่นี่มีเพียบ!! บอกเลยต้องแวะเข้ามา
แวะดูของที่ระลึกกลับไปฝากคนที่บ้านกันหน่อย
เดินเล่นกันมาสักพักใหญ่แล้ว มองนาฬิกาก็เริ่มเย็นแล้ว เราเลยพากันเดินทางลงมาจากม่อนแจ่มและแวะกินข้าวเย็นกันที่ร้าน ซามูไรคิทเช่น ร้านอาหารญี่ปุ่นที่อยู่ไม่ไกลจากโฮสเทลที่เราพัก ตัวร้านตกแต่งในสไตล์ญี่ปุ่นได้อารมณ์เหมือนนั่งในร้านอาหารญี่ปุ่นและที่สำคัญ ทุกเมนู 59 บาท ซามูไรคิทเช่น เปิดบริการเวลา 17.00-22.00 น. โทร.097 970 0104
อิ่มกันแล้ว แวะไปเดินเล่นย่อยอาหารกันสักหน่อยที่ ขัวเหล็ก สะพานข้ามแม่น้ำปิงสักหน่อย เป็นสะพานที่มองเห็นวิวแม่นำ้ปิงและเมืองเชียงใหม่ในยามค่ำคืน ได้รูปไปเช็คอินเพียบจ้า
หมดวันแรกกันไปแล้วในเมืองเชียงใหม่วันนี้เราเน้นเที่ยวแชะ ชิม ชิลล์ๆ ไปกับธรรมชาติและขุนเขา แถมยังได้ที่พักใจกลางเมืองอย่าง Makad Bed N Bar เรียกได้ว่าเป็นทริปที่ชิลล์ ประหยัดงบ และได้รูปเยอะจริงๆ จ้า
วันนี้เราตื่นเช้ามาพร้อมสูดอากาศอันบริสุทธิ์ที่เชียงใหม่ และเราเลือกไปกินอาหารเช้ากันที่ โกเผือกโกดำ เป็นร้านเล็กๆ ติดถนนมีประมาณยี่สิบที่นั่ง ร้านเปิดตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าถึงเที่ยงเท่านั้นนะจ๊ะ (อ้อ อีกอย่างร้านปิดวันอังคารน้าตัวเอง) เราอยากมานั่งชิลล์ๆ เช็คอินไปกับอาหารเช้าเก๋ๆ อย่างปังชาโคลปิ้งเนย ทานคู่กับชาไทยอุ่นๆ ยามเช้า โกเผือกโกดำ เปิดเวลา 08.00 – 15.00 น. (ร้านปิดทุกวันอังคาร) โทร.090 891 9622
นอกจากนั้นยังสั่งก๊วยจั๊บญวณเส้นเหนียวนุ่ม รสชาติกลมกล่อม พร้อมเครื่องจัดเต็มจ้า จับคู่มากับไข่ลวกเติมพลังยามเช้าได้เป็นอย่างดี
กินอิ่มกันแล้วก็ได้เวลาเดินทางกลับที่พักเพื่อไปเช็คเอาท์และคืนรถมอเตอร์ไซค์ แต่การเดินทางของเรายังไม่หมดเพียงเท่านี้จ้า เราอยากจะไปใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์นั่งจิบชากาแฟชิลล์ๆ พร้อมถ่ายรูปชิคๆ กันต่อ เราเดินจากที่พักไปคาเฟ่ใช้เวลาเดินทางประมาณ 8 นาที คาเฟ่ที่เราไปชิลล์กันคือ Gateway Coffee Roaster เป็นคาเฟ่สุดครีเอทในย่านถนนท่าแพเชียงใหม่ ตัวร้านตั้งอยู่บนชั้นสองของตึกเก่าอายุกว่า 60 ปี การตกแต่งตัวอาคารเน้นโครงสร้างเดิม ทั้งพื้น หน้าต่าง และระเบียงมีความคลาสสิกมาก Gateway Coffee Roaster เปิดเวลา 18.00 – 20.00 น.
ภายในตัวร้านแบ่งโซนไว้สำหรับคั่วกาแฟ และต้อนรับลูกค้า โดยโซนคั่วกาแฟนั้นได้ร่วมมือกับร้าน GRAPH one nimman มาช่วยดูแลเรื่องของกาแฟให้โดยเฉพาะ
ที่นี่เน้นเสิร์ฟกาแฟแบบ Slow Bar และมีเมล็ดกาแฟจากนอกเข้ามาให้เลือกบ้างเป็นครั้งคราว
นั่งชิลล์ ถ่ายรูปอัพไอจีกันมาสักพักใหญ่แล้ว ยังมีเวลาเหลือก่อนไปขึ้นเครื่องเราเลยอยากจะไปถ่ายรูปต่อกันอีกสักหน่อย จึงเลือกไปคาเฟ่ไม่ไกลจากสนามบินมากนักคือ Transit Number 8 โดยเดินทางด้วยรถสาธารณะใช้เวลาประมาณ 25 นาที ทรานซิสเป็นคาเฟ่ชิคๆ ในคอนเซ็ปต์ให้เป็นสถานที่นั่งพัก รอเวลาขึ้นเครื่อง เพราะไม่ไกลจากสนามบินเท่าไหร่นัก ตั้งอยู่ในซอย 8 ถนนสนามบินเก่า ตัวอาคารตกแต่งในสไตล์โมเดิร์นโทนสีขาว Transit Number 8 เปิดทุกวันเวลา 08.00 – 18.00 น. โทร.081 883 7402
ภายในตัวร้านบรรยากาศโปร่งโล่งสบายด้วยหลังคากระจก พร้อมมีความเก๋ไก๋ด้วยบันไดสีดำคล้ายกับบันไดเลื่อน เน้นใช้วัสดุและเฟอร์นิเจอร์สื่อออกมาในสไตล์ Terminal เท่สุดๆ ไปเลย สนุกสนานกันมาสักพักใหญ่แล้วก็ได้เวลาไปขึ้นเครื่อง เราจึงเรียกรถแท็กซี่ของสนามบินมารับเราที่คาเฟ่โดยใช้เวลาประมาณ 20 กว่านาทีก็มาถึงสนามบินแล้ว
เป็นอย่างไรกันบ้างกับ 48 ชั่วโมงในเชียงใหม่ ที่ได้ครบทั้งเที่ยวสถานที่ธรรมชาติ และใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์นั่งจิบกาแฟชิลล์ๆ ในคาเฟ่ ทั้งยังได้พักที่พักชิคๆ ในตัวเมืองไม่ไกลสถานที่ท่องเที่ยวมากนักอย่าง Makad Bed N Bar ที่สามารถตอบโจทย์คนอยากมานอนพักผ่อนในเมืองเดินทางสะดวกและยังมีคาเฟ่พร้อมมุมถ่ายรูปชิคๆ บนดาดฟ้าอีกด้วย หากใครมีเวลาไม่มากในการเดินทางมาเที่ยวเชียงใหม่ก็ลองเอาทริปนี้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในการใช้เวลาพักผ่อนชิลล์ๆ เน้นเที่ยวธรรมชาตินิดๆ เติมเต็มความชิคหน่อยๆ ไปกับคาเฟ่เก๋ๆ ในตัวเมืองเชียงใหม่ที่ไม่ว่าจะมาเที่ยวในฤดูไหนก็รับรองได้เลยว่าคุณจะหลงใหลในมนต์เสน่ห์ของเชียงใหม่อย่างแน่นอน
สรุปค่าใช้จ่ายทริปเชียงใหม่-ม่อนแจ่ม
รถ RTC Chiang Mai City Bus 40 บาท (คนละ 20 บาท)
ค่าที่พักมากาด 1 คืน ราคา 600 บาท (หารคนละครึ่ง = 300 บาท)
ค่าเช่ารถจักรยานยนต์ 200 บาท (หารคนละครึ่ง = 100 บาท)
ค่าอาหารมื้อเช้า Chic 39 Bed Bar & Bakery 713 บาท (จำนวนอาหารสามารถทานได้ 4-5 คน) (หารคนละครึ่ง 356.5 บาท)
ค่าเข้าชมไร่ดอกลมหนาว 40 บาท (คนละ 20 บาท)
ค่าเข้าชมสวนพฤษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ 80 บาท (คนละ 40 บาท)
ค่าอาหารมื้อเย็น ซามูไรคิทเช่น 295 บาท (จำนวนอาหารสามารถทานได้ 3-4 คน) (หารคนละครึ่ง 147.5 บาท)
ค่าอาหารมื้อเช้า โกเผือกโกดำ 127 บาท (หารคนละครึ่ง 63.5 บาท)
ค่าเครื่องดื่ม Transit Number 8 ราคา 95 บาท
ค่าอาหารและเครื่องดื่ม Gateway Coffee Roaster 195 บาท (หารคนละครึ่ง 97.5 บาท)
ค่าใช้จ่ายอื่นๆ 150 บาท
รวมค่าใช้จ่ายทริปนี้ คนละ 1,390 บาท (ราคาไม่รวมตั๋วเครื่องบิน)