ทริป 2 วัน 1 คืน ฉะเชิงเทรา เที่ยวแบบไม่ต้องกลัวเหงาเพราะเรามีสายน้ำอยู่เป็นเพื่อน
57,014 ครั้ง
20 ส.ค. 2562
57,014 ครั้ง
20 ส.ค. 2562
วันหยุดทั้งทีก็อยากจะหาที่เที่ยวใกล้ๆ กรุงเทพ ในหัวลิสต์ไว้ว่าทริปนี้ขอเที่ยวแบบชิลล์ๆ เน้นกิน ฟินนอน แบบไม่ต้องเดินทางเหนื่อยมากเพราะทำงานมาทั้งสัปดาห์ร่างก็จะแหลกพอแล้ว พอมีเวลาก็เลยเลื่อนหน้าฟีด Facebook ดูแล้วมาสะดุดตากับหนึ่งจังหวัดใกล้กรุงที่หลายๆ คนมองข้าม นั้นก็คือ จังหวัดฉะเชิงเทรา เราเลยไม่รอช้ารีบแพลนทริปสั้นๆ สัก 2 วัน 1 คืน เที่ยวตามสายน้ำบางปะกง ทริปนี้ต้องบอกเลยว่า อิ่มกิน ฟินนอน จริงๆ
วันนี้เราตื่นแต่เช้าเพื่อที่จะเดินทางออกจากกรุงเทพแบบรถไม่ติด เพราะจุดมุ่งหมายที่เราจะไปกันที่แรกเลยก็คือ ตลาดบ้านใหม่ร้อยปี จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งจะเปิดเฉพาะวัน เสาร์ – อาทิตย์ อย่างที่บอกว่าทริปนี้เราเน้นกิน เน้นนอน เราก็เลยจะไปหาของอร่อยที่ตลาดบ้านสวนกันเป็นมื้อเช้า เราใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพมายังตลาดบ้านใหม่ จ.ฉะเชิงเทรา ประมานชั่วโมงนิดๆ
และแล้วเราก็มาถึง ตลาดบ้านใหม่ร้อยปี ตลาดเก่าแก่ที่อยู่คู่กับเมืองแปดริ้วมาอย่างยาวนาน และยังเป็นชุมชนของชาวไทย – จีน ที่อยู่ร่วมกันในบริเวณนี้ ในอดีตตลาดแห่งนี้ยังเคยรุ่งเรืองในการค้าขายและเป็นเส้นทางสำคัญที่ถ้าหากเดินทางมาทางแม่น้ำบางปะกงโดยใช้เรือก็จะผ่านตลาดบ้านใหม่ร้อยปี แต่กาลเวลาเปลี่ยนไปความเจริญเข้ามาแทนที่ทำให้ตลาดแห่งนี้กลายเป็นตำนาน แต่กลุ่มพอค้าแม่ค้าที่มีใจอยากจะอนุรักษ์สิ่งเก่าๆ ไว้ยังคงรวมตัวกันขายของ อาหารและขนมที่หาทานได้ยากในปัจจุบัน เราเลยไม่รอช้า รีบเข้าไปดูว่าจะมีร้านอะไรน่าสนใจบ้าง
เพียงแค่เดินผ่านซู้มประตูของตลาดบ้านใหม่ร้อยปีเข้ามาก็มาสะดุดตากับร้านอาหารเก่าแก่แต่ยังคงเสน่ห์เอาไว้ก็คือ ร้านสามแม่ครัว แว้บแรกที่เห็นชื่อเรานึกไปถึงปลากระป๋องสามแม่ครัวทันที แต่จริงๆ แล้ว ร้านสามแม่ครัว เป็นร้านอาหารตามสั่งที่อยู่คู่กับตลาดบ้านใหม่ร้อยปีมากว่า 70 ปี แล้ว และที่ชื่อร้านสามแม่ครัวก็เพราะว่ามีคุณยายสามคนช่วยกันทำอาหาร และที่สำคัญร้านนี้เป็นอีกหนึ่งร้านที่คนฉะเชิงเทราแนะนำให้เรามา ร้านสามแม่ครัว เปิดตั้งแต่ 09.00 – 15.00 น. (หยุดทุกวันจันทร์ยกเว้นวันจันทร์ที่ตรงกับวันหยุดนักขัตฤกษ์) โทร.087 602 8174, 038 513 463
เสน่ห์ของร้านสามแม่ครัวคือยังคงอนุรักษ์การใช้เตาฟืนในการทำอาหารอยู่ซึ่งปัจจุบันหาไม่ได้อีกแล้ว วันนี้ไม่รอช้าผมสั่งเมนูเด็ดของร้านอย่าง ผักบุ้งผัดกะปิ ราคา 60 บาท ข้าวผัดหมู ราคา 40 บาท และ ผัดไทกุ้ง ราคา 45 บาท นอกจากนี้ยังมีเมนูแนะนำอีกมากมายไม่ว่าจะเป็น ปลาผัดขึ้นไฉ่ เป็ดพะโล้ ไส้หมูทอด และกระเพาะหมูผัดเกี๋ยวฉ่าย
สำหรับที่นั่งก็มีให้เลือกไม่มาก ถ้าใครมาช่วงก่อนเที่ยงก็อาจจะไม่ต้องยืนรอคิว และที่มากไปกว่านั้นคือ ช่วง 14.00 น. วัตถุดิบต่างๆ ของร้านก็จะเริ่มทยอยหมด แนะนำให้มาตั้งแต่เช้ารับรองว่าจะได้กินเมนูอร่อยๆ ของคุณยายสามแม่ครัวอย่างแน่นอน
พอได้กินของคาวแล้ว สมองก็นึกถึงเครื่องดื่มเย็นๆ ขึ้นมาทันที และต้องพลาดไม่ได้กับ ร้านกาแฟแป๊ะเอ๊ย 100 ปี ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับร้านสามแม่ครัว ตัวร้านกาแฟแป๊ะเอ๊ย 100 ปี แค่ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า 100 ปี ฉนั้นความเก่าแก่ไม่ต้องพูดถึง ตัวร้านเป็นบ้านไม้โบราณที่อยู่คู่กับตลาดบ้านใหม่ ให้อารมณ์แบบคลาสสิคหรือถ้ายังนึกไม่ออกให้นึกไปถึงร้านกาแฟในหนังโบราณ ร้านกาแฟแป๊ะเอ๊ย 100 ปี เปิดบริการเวลา 07.30-17.00 น.
และเมนูเด็ดของร้านก็คือ หน่อบี่เลี้ยง กาแฟผสมกับชาเย็นเข้มข้นที่แยกชั้นก็มาภายในแก้วแล้ว แต่พอชิมแล้วทั้งสองรสชาติเข้ากันได้เป็นอย่างดี ราคาก็เบาๆ แก้วเล็ก 30 บาท แก้วใหญ่ 40 บาทเท่านั้นเอง
บรรยากาศภายในตลาดเต็มไปด้วยอาหารและขนมที่หาทานได้ยาก บางอย่างบยังหาทานได้แค่ที่นี่ที่เดียวเท่านั้น หากเดินมาเรื่อยๆ ก็จะมาพบกับสะพานกลางตลาดซึ่งมุมนี้เราจะสามารถมองเห็นวิวแม่น้ำบางปะกงได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังได้เห็นวิถีชีวิตชาวบ้านที่ยังคงใช้ชีวิตแบบดั้งเดิมซึ่งเป็นภาพและบรรยากาศที่หาชมได้ยากมากๆ
อีกหนึ่งความน่ารักคือการแสดงรำวงมาตรฐานโดยคนในชุมชนที่ยังอนุรักษ์ศิลปะความเป็นไทยไว้ให้คนรุ่นหลังอย่างเราได้ชมกัน หรือใครจะซื้อของทานเล่นมานั่งทานพร้อมชมการแสดงไปด้วยก็รับรองว่าฟินสุดๆ
หากข้ามสะพานมาแล้วอีกหนึ่งร้านที่สะดุดตาก็คือ บ้านใหม่ สตอรี่ โฮมคาเฟ่ คาเฟ่สุดคลาสิค ที่รีโนเวทบ้านอายุกว่า 100 ปีเป็นคาเฟ่ที่ตั้งอยู่เชิงสะพานตลาดบ้านใหม่ ด้วยความที่ตัวร้านตั้งอยู่บนโลเคชั่นที่ติดริมคลองและติดสะพานทำให้ร้านดูมีความเก๋ชิคได้อย่างลงตัว และยังเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คแห่งใหม่ที่มาฉะเชิงเทราแล้วต้องห้ามพลาด
ภายในตัวร้านยังคงรักษาสภาพความเป็นบ้านเก่าแก่ได้เป็นอย่างดี และมีที่นั่งให้เลือกทั้งโซนห้องแอร์ โซนในร้าน และโซนริมน้ำ ใครที่อยากได้บรรยากาศชิลล์ๆ แบบเราแนะนำเลยว่าให้นั่งโซนริมน้ำ เพราะโซนนี้มีเปลตาข่ายให้นั่งชิลล์ๆ และถ่ายรูปเล่นอีกด้วย บ้านใหม่ สตอรี่ โฮมคาเฟ่ เปิดเวลา 09.00 – 17.00 น. (วันธรรมดา) และ 08.30 – 18.00 น. (เสาร์ – อาทิตย์) โทร.081 172 8383
สำหรับเมนูที่เราสั่งก็ยังคงเป็นเมนูที่เป็นซิกเนเจอร์ของทางร้านก็คือ ชาดอกไม้ ราคา 120 บาท ชาร้อนที่ชงกับดอกไม้จากเมืองจีนที่ไฮไลท์ของมันอยู่ที่เมื่อความร้อนไปโดนตัวดอกไม้ ตัวดอกไม้จะค่อยๆ บานในกาน้ำชาที่ทางร้านเสิร์ฟมาให้ เมนูนี้รับรองว่าทั้งหอม อร่อยและยังได้ภาพเก๋ๆ ไปอัพเดตไทม์ไลน์อย่างแน่นอน หรือใครที่อยากดื่มเครื่องดื่มเย็นๆ ก็ยังมี มัทฉะส้ม ชาเขียวเข้มข้นผสมกับน้ำส้มซึ่งเข้ากันได้อย่างลงตัว
อย่างที่บอกไปตั้งแต่แรกว่าทริปนี้เราเน้นกินจริงๆ เราเลยไปปิดท้ายกันที่อีกหนึ่งคาเฟ่ชื่อดังของจังหวัดฉะเชิงเทราที่ตั้งอยู่ที่ตลาดบ้านใหม่อย่าง Red Cat Cafe คาเฟ่ชื่อเท่ๆ ที่เกิดจากความรักแมวของเข้าของร้าน ภายในตัวร้านตกแต่งด้วยสไตล์วินเทจและมีที่นั่งให้เลือกทั้งโซนห้องแอร์ภายในร้านหรือใครที่อยากชิลล์ไปอีกก็มีโซนระเบียงริมแม่น้ำให้เลือกทั้งชั้นล่างและชั้นบน Red Cat Cafe เปิดบริการเวลา 08.30-18.00 น. โทร.064 624 5564
สำหรับเมนูก็มีให้เลือกทั้งเครื่องดื่ม ชา กาแฟ อิตาเลี่ยนโซดา และยังมีเมนูเบเกอรี่ให้เลือกทานอีกด้วย วันนี้เราเลยลองสั่ง Salted Lychee Soda ราคา 75 บาท มาลองชิม ซึ่งต้องบอกเลยว่าได้รสชาติและความหอมของลิ้นจี่อย่างเต็มที่ และยังได้ความสดชื่นของโซดา ใครที่ร้อนๆ มากินเมนูนี้รับรองว่าสดชื่นสุดๆ
ตะลุยตลาดบ้านใหม่เสร็จแล้ว เราเลยไปต่อกันกับอีกหนึ่งสถานที่ที่เรียกได้ว่ามาฉะเชิงเทราแล้วต้องมาเพราะถ้าไม่ไปแล้วก็เหมือนมาไม่ถึงฉะเชิงเทรานั่นก็คือ วัดโสธรวรารามวรวิหาร หรือที่เราคุ้นหูกันในชื่อ วัดหลวงพ่อโสธร วัดคู่บ้านคู่เมืองฉะเชิงเทราและยังเป็นวัดที่ชาวฉะเชิงเทราให้ความเคารพสักการะ ซึ่งสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อพุทธโสธร
ซึ่งภายในพระอุโบสถหลวงพ่อโสธรองค์จริงสามารถเข้าไปกราบไหว้ได้แต่ต้องแต่งกายให้สุภาพ ภายในพระอุโบสถหลังใหม่ยังตกแต่งด้วยจิตกรรมฝาพนังที่งดงามตั้งแต่ตัวพื้นพระอุโบสถ เสา ผนัง จนไปถึงเพดาน บอกเล่าเรื่องราวของสีทันดร มหาสมุทร จตุโลกบาล พรหมโลก และดวงดาว และที่สำคัญพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงประกอบพิธียกฉัตรทองคำอีกด้วย
ส่วนภายในพระอุโบสถหลังเก่าก็ยังสามารถเข้าไปกราบไหว้สักการะและขอพระสิ่งศักดิ์ได้อีกเช่นเดียวกัน
เสร็จจาก วัดโสธรวรารามวรวิหาร แล้วเราเลยไปต่อกันที่ ท่าน้ำคาเฟ่ คาเฟ่สไตล์สุดชิคที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำบางปะกง ภายในร้านตกแต่งด้วยสไตล์วินเทจที่เน้นของตกแต่งน่ารักๆ และที่สำคัญเน้นบรรยากาศริมแม่น้ำ สำหรับที่นั่งก็มีให้เลือกทั้ง โซนห้องแอร์ภายในร้าน และ โซนที่นั่งริมน้ำ ที่จะพาทุกคนไปรับลมชิลล์ๆ พร้อมกับชมวิวแม่น้ำฟินๆ ท่าน้ำคาเฟ่ เปิดบริการทุกวัน จ-ศ 10.00 – 21.00 น. / ส-อา 11.00 – 21.00 น. โทร.062 918 2521, 089 797 4747
ที่นี่มีทั้งเมนูเครื่องดื่ม เบเกอรี่ และเมนูอาหารไทยแนวฟิวส์ชั่นพู้ด เราเลยขอจัดเต็มแบบเน้นๆ กันที่ร้านนี่เลย วันนี้เราสั่ง สปาเก็ตตี้จ้าวสมุทร ข้าวไข่ข้นกุ้งต้มยำ และDark Kyoto Matcha
นั่งกินลมชมวิวพร้อมกับถ่ายรูปท่ีร้าน ท่าน้ำคาเฟ่ กันอยู่พักใหญ่ กินเพลินจนเกือบลืมเวลาเช็คอินเข้าที่พัก และที่พักที่เราจะไปพักกันในคืนนี้ก็คือ บ้านนายถึกโฮมสเตย์ ที่พักริมน้ำบางปะกง ซึ่งภายในพื้นที่ของโฮมสเตย์บ้านนายถึกยังรายล้อมไปด้วยธรรมชาติที่อุดมสมบูณ์ ด้านหน้าที่พักติดกับแม่น้ำบางปะกงซึ่งสามารถมองเห็นช่วงโค้งน้ำได้อย่างสวยงาม และยังมีต้นไม้สูงใหญ่ให้ความร่มรื่นเป็นอย่างดี แถมยังอยู่ห่างจากตัวเมืองฉะเชิงเทราเพียง 10 นาที นอกจากน้ีที่นี่ยังมีบ้านพักให้เลือกถึง 6 แบบคือ บ้านพักริมสวน บ้านพักริมคลอง บ้านพักระเบียงน้ำ บ้านพักริมรั้ว และรถบ้านสุดฮิปสำหรับคนมที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศอีกด้วย บ้านนายถึกโฮมสเตย์ โทร.094 864 0999, 063 395 9333, 089 936 2211, 087 619 4411
วันนี้เราเลือกนอน บ้านริมสวน 1 บ้านที่เรียกได้ว่าเป็นบ้านยอดฮิตของบ้านนายถึกโฮมสเตย์มาให้เพื่อนๆ ชมกัน บ้านริมสวน 1 บ้านไม้ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติและดีไซน์ตัวบ้านให้ได้อารมณ์แบบบ้านสวนแต่ก็ยังแฝงความเป็นโมเดิร์นเข้าไปได้อย่างลงตัว และที่สำคัญบ้านริมสวน 1 ยังเป็นบ้านที่ตั้งอยู่ใกล้แม่น้ำบางปะกงที่สุดอีกด้วย เรียกได้ว่าเปิดประตูห้องปุ้บก็ได้เห็นวิวแม่น้ำปั๊บเลยทีเดียว
ภายในตัวบ้านก็ยังคงคอนเซ็ปต์ของการโชว์ความเป็นเนื้อไม้ได้เป็นอย่างดีตั้งแต่พื้นและพนังที่ตกแต่งด้วยไม้ สีอ่อนและเข้มของเนื้อไม้ช่วยเพิ่มความอบอุ่นและรู้สึกผ่อนคลายแถมยังให้ฟีลลิ่งของการพักผ่อนแบบอิงแอบแนบชิดกับธรรมชาติอีกด้วย พื้นที่ภายในห้องก็มีขนาดพอเหมาะสำหรับการพักผ่อน 2 – 3 คน และยังมีเตียงนอน Queen size ที่ตั้งอยู่ในสเปซที่สามารถมองวิวธรรมชาติผ่านหน้าต่างที่มได้อย่างเต็มที่
ภายในห้องน้ำยังตกแต่งด้วยไม้เพื่อให้เข้ากันกับภายในตัวบ้าน และเน้นการใช้สีน้ำตาลและสีขาวในการตกแต่ง พร้อมเครื่องทำน้ำอุ่นพร้อมฝักบัว Shower และยังมีกิมมิคเล็กๆ คือหลังคาโปร่งแสงที่ให้แสงจากธรรมชาติส่องผ่อนมาภายในตัวห้องน้ำได้
ด้านหน้าตัวบ้านยังมีระเบียงพร้อมที่นั่งและชุดโต๊ะทานอาหารไว้ให้นั่งพักผ่อนหย่อนใจ ทำกิจกรรมหรือจะมีนั่งรับลมเย็นๆ ที่พัดผ่านมุมนี้ตลอดทั้งวันก็ชิลล์สุดๆ
และนอกจากน้ียังมีศาลาทรงเรือนไทยที่มีไว้ให้เฉพาะบ้านริมสวน 1 เท่านั้น มุมนี้สามารถมานั่งพูดคุย ทำกิจกรรม และยังสามารถมาปิ้งย่างได้ด้วยนะ
บรรยากาศรอบๆ เต็มไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่ที่คอยให้ความร่มรื่น เหมาะสำหรับใครที่อยากมาพักผ่อนอย่างเต็มที่และต้องการความสโลว์ไลฟ์อย่างแท้จริง
และพลาดไม่ได้เลยก็คือมุมถ่ายรูปกระเช้าสุดฮิปที่สามารถเลื่อนออกไปในแม่น้ำให้โพสต์ท่าถ่ายรูป รับรองว่าได้ภาพสวยๆ มุมแปลกใหม่อย่างแน่นอน
หรือใครที่ชอบกีฬาเอ็กซ์ตรีมอย่าง ขับเจ็ทสกี ที่นี่ก็มีเจ็ทสกีไว้ให้บริการชั่วโมงละ 1,500 บาท อีกด้วยนะ
มายืนดูวิวพระอาทิตย์ตกที่แพริมน้ำก็ได้ฟีลลิ่งไปอีกแบบ
บรรยากาศยามค่ำคืนของ บ้านนายถึกโฮมสเตย์ ที่เต็มไปด้วยแสงไฟที่ห้อยประดับประดาอยู่ตามต้นไม้ยิ่งช่วยเพิ่มความโรแมนติกได้เป็นอย่างดี
วันนี้เราตื่นกันตั้งแต่เช้าและจัดเต็มกับบุฟเฟ่ต์อาหารเช้าของ บ้านนายถึกโฮมสเตย์ ซึ่งมีทั้ง ข้าวต้ม สลัด และของทานเล่นมากมาย ที่ทาง บ้านนายถึกโฮมสเตย์ ทำเองแบบสดใหม่ทุกวัน
ก่อนเช็คเอ้าท์ก็ต้องไม่พลาดที่จะขึ้นไปบนหอคอยชมวิวของ บ้านนายถึกโฮมสเตย์ ที่มีความสูงเท่าตึกสามชั้น และยังสามารถมองเห็นวิวโค้งน้ำบางปะกงได้อย่างสวยงาม แถมยังสามารถมองเห็นไปได้ไกลถึงวัดหลวงพ่อโสธรอีกด้วย
เราเช็คเอ้าท์จาก บ้านนายถึก โฮมสเตย์ ในช่วงสายๆ และปักหมุดไปต่อกันที่ ร้านเตี๋ยวไข่แม่อีฟ ร้านก๋วยเตี๋ยวต้มยำชื่อดังของจังหวัดฉะเชิงเทรา ใครที่เป็นสายก๋วยเตี๋ยวบอกเลยต้องห้ามพลาดเพราะที่นี่จัดหนักจัดเต็มทั้งรสชาติและปริมาน เมนูที่เราสั่งวันนี้ก็คือเมนูเด็ดของทางร้านอย่าง ก๋วยเตี๋ยวไข่มังกร ราคา 100 บาท โคตรเด้งกะละมัง ราคา 80 บาท และนอกจากนี้ยังมีน้ำสมุนไพรไว้ให้ดื่มแก้กระหายอีกด้วย
สำหรับที่นั่งก็แบ่งเป็นสองโซนคือ โซนห้องแอร์ และโซนเอ้าท์ดอร์ ร้านเตี๋ยวไข่แม่อีฟ ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 09.00 – 17.00 น. (เสาร์ – อาทิตย์) 08.00 – 17.00 น.(วันหยุดนักขัตฤกษ์) โทร.094 197 3444
และไปต่อกันที่ อุทยานพระพิฆเนศคลองเขื่อนองค์ยืน ที่มีองค์พระพิฆเนศปางยืน เนื้อสำริด ที่ใหญ่ที่สุดในโลกและมีความสูงถึง 39 เมตร และด้านหน้ายังมีชุดดอกไม้ธูปเทียนจำหน่าย ชุดเล็ก 30 บาท และชุดใหญ่ 50 บาท
สำหรับพระพิฆเนศองค์ยืนยังมีจุดเด่นคือ พระหัตถ์ทั้ง 4 นั้นถือ ดอกบัว มะม่วง กล้วย และอ้อย และที่พระบาทมีหนูกอดลูกมะพร้าว ซึ่งหมายถึงความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดิน และยังตั้งอยู่บนโลเคชั่นที่อยู่ติดริมแม่น้ำบางปะกง ใครที่อยากสมหวังแนะนำให้มาขอพระที่นี่ได้เลย
และไปต่อกันที่ วัดปากน้ำโจ้โล้ วัดที่มีอุโบสถสีทองเป็นไฮไลท์และยังเป็นอุโบสถแห่งเดียวของประเทศไทยที่ทาด้วยสีทองทั้งหลัง ทำให้มีความงดงามและแปลกตาสุดๆ และยังเป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยพระเจ้าตากสินครั้งที่เสด็จนำทัพผ่านเพื่อไปตีเมืองจันทบุรี เหตุที่เรียกว่าวัดปากน้ำโจ้โล้เพราะสมัยก่อนแม่น้ำหน้าวัดมีปลากระพงชุกชุม ซึ่งชาวจีนเรียกปลากระพงว่า โจ้โล้ จึงเป็นที่มาของชื่อวัด ปากน้ำโจ้โล้
ภายในยังคงตกแต่งด้วยสีทองและประดิษฐานพระพุทธรูปเอาไว้ให้กราบไหว้สักการะ
ลวดลายปูนปั้นและสถาปัตยกรรมงดงามจนต้องเอามือถือขึ้นมาถ่ายรูป นอกจากตัวพระอุโบสถที่เป็นจุดเด่นแล้วยังมีซุ้มประตูที่ประดับด้วยลวดลายปูนปั้นอย่างวิจิตร และพระยืนองค์สีทองที่ตั้งตะหง่านอีกด้วย
อิ่มบุญไปแล้วทั้งสองวัด ต่อไปถึงเวลาอิ่มพุงกันบ้าง ช่วงบ่ายๆ ก่อนกลับกรุงเทพเราเลยไปอีกหนึ่งจุดเช็คอินแห่งใหม่ที่อยู่ไม่ไกลจากวัดปากน้ำโจ้โล้มากนัก นั่นก็คือ ฮอลลีวูดบ้านนา มนต์รักบางพุทรา ซึ่งเป็นอีกหนึ่งที่ท่องเที่ยวชุมชนเกิดจากำความร่วมมือกันของชาวบ้าน ที่มีสินค้าทางการเกษตร อาหารและขนมจากฝีมือชาวบ้านมาจำหน่ายอีกด้วย ฮอลลีวูดบ้านนา มนต์รักบางพุทรา เปิดวันเสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 09.00 – 18.00 น. โทร.081 996 1748
เมื่อเดินเข้ามาถึงในโซนแรกจะเป็นโซนของตัวร้านซึ่งมีทั้งก๋วยเตี๋ยว ส้มตำ และเครื่องดื่มขาย และแบ่งเป็นโซนห้องแอร์ และ Open Air วันนี้เราก็เลยไม่พลาดสั่ง ก๋วยเตี๋ยวและส้มตำ และสตรอว์เบอร์รี่อิตาเลียนโซดามานั่งทานชิลล์ๆ ที่มุมห้อยขา
และที่เรียกได้ว่าเป็นไฮไลท์เลยก็คือสระน้ำสีฟ้าของที่นี่ที่มีลักษณะเป็นสระน้ำทอดยาว พร้อมทั้งมีเรือให้พานเล่นในสระอีกด้วย
กินอิ่มแล้วก็ต้องไม่พลาดที่จะหามุมถ่ายรูปซึ่งมีหลากหลายมุมมาก ทั้งมุมสะพานไม้ไผ่และศาลาริมน้ำ ใครที่ชอบบรรยากาศแบบบ้านนาและท้องทุ่งรับรองว่าถูกใจอย่างแน่นอน
เป็นอย่างไรกันบ้างกับทริปสั้นๆ 2 วัน 1 คืน ฉะเชิงเทราที่เราคัดมาทั้งโซนในตัวเมืองและโซนนอกตัวเมือง และที่สำคัญทริปนี้เน้นกิน เน้นนอน และเน้นเที่ยวตามสามน้ำบางปะกง ใครที่กำลังคิดว่าจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นจังหวัดที่ไม่มีที่เที่ยว บอกเลยวว่าคิดผิดเพราะจริงๆ แล้วจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายและยังมีร้านอาหาร คาเฟ่ บรรยากาศดีๆ อีกเพียบ ลองมาเที่ยวที่ฉะเชิงเทราสักครั้งแล้วจะรู้ว่าความสโลไลฟ์ที่แท้จริงเป็นอย่างไร
เติมน้ำมันรถ ไป – กลับ 700 บาท (หารสองคนคนละ 350 บาท)
รวมค่าอาหารและเครื่องดื่มตลาดบ้านใหม่ร้อยปี 500 บาท (หารสองคนคนละ 250 บาท)
ค่าอาหารและเครื่องดื่ม ท่าน้ำ คาเฟ่ 365 บาท (หารสองคนคนละ 183 บาท)
ค่าห้องพัก บ้านนายทึกโฮมสเตย์ 1,400 บาท (หารสองคนคนละ 700 บาท)
ค่าอาหารและเครื่องดื่ม เตี๋ยวไข่แม่อีฟ 240 บาท (หารสองคนคนละ 170 บาท)
ค่าอาหารและเครื่องดื่ม ฮอลลีวูดบ้านนา มนต์รักบางพุทรา 115 บาท (หารสองคนคนละ 58 บาท)
สรุปค่าใช้จ่ายตกคนละ 1,711 บาท (ไปหลายคนค่าใช้จ่ายจะน้อยลง)