นครนายก 2 วัน 1 คืน ตะลุยเช็คอินกินเที่ยว เสาร์-อาทิตย์ก็เพลินได้ไม่ต้องง้อวันหยุดยาว
123,612 ครั้ง
26 ส.ค. 2562
123,612 ครั้ง
26 ส.ค. 2562
วันหยุดเสาร์-อาทิตย์นี้ที่รอคอยมาถึงแล้ว หลังจากเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานมาในตลอดห้าวันเต็ม มันคงได้เวลาอันเหมาะสมที่จะให้รางวัลตัวเองด้วยการออกเดินทางไปสัมผัสกับธรรมชาติ ได้สูดอากาศบริสุทธิ์ ได้แวะจุดเช็คอินเท่ๆ ได้รูปสวยไว้อัพลงโซเชียล แถมได้กินอิ่มนอนอุ่นในบรรยากาศสุดร่มรื่นริมธารน้ำ เพื่อปลุกปลอบใจในความเมื่อยล้าให้ตื่นตัวพร้อมจะกลับไปฝ่าฟันอุปสรรคและความเหนื่อยล้าจากการทำงาน และทริปนี้เราจะไปพักผ่อนกันที่เมืองแห่งมนต์เสน่ห์ นครนายก เดินทางเพียงชั่วโมงนิดๆ ก็นำพาเรามาถึงสถานที่ที่เราจะมาพักผ่อนสบายอุราได้โดยไม่ต้องเดินทางไปไหนไกล
เราเริ่มเดินทางโดยรถส่วนตัวในช่วงบ่ายวันเสาร์จากกรุงเทพฯ ขับรถมาตามเส้นทางถนนรังสิต-นครนายก ระยะทาง 129 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆ เราก็มาแวะวัดจุฬาภรณ์วนาราม สถานที่แรกของวันนี้
วัดจุฬาภรณ์วนาราม ตั้งอยู่ที่อ.บ้านนา จ.นครนายก หากขับรถผ่านวิหารแดงมาประมาณ 10 กิโลเมตร จะเจอปั๊ม PT ให้กลับรถแล้วขับเข้ามาอีกหน่อยจะเจอกับป้ายเขียนชื่อวัดอยู่ (สามารถเดินทางตามเส้นทางใน Google Map ได้) เกือบเลยซอยแหนะ ทางเข้าเล็กมาก ที่นี่เป็นสถานที่ที่ใครได้มาเยือนนครนายกแล้วต้องแวะเข้ามาเช็คอินกันก่อนเป็นที่แรก
วัดแห่งนี้เกิดขึ้นโดยหลวงปู่พระสุธรรมาธิบดี ปัจจุบันเป็นเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหารอยากจะสร้างเฉลิมพระเกียรติในวโรกาสที่สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารีทรงพระชนมายุ 50 พรรษา โดยเริ่มสร้างเมื่อปี 2550 เป็นเวลา 12 ปี แรกเริ่มพื้นที่แห่งนี้เป็นป่า พอเริ่มสร้างวัดจึงได้เริ่มปลูกต้นไผ่จากแต่ก่อนมีประมาณ 6-7 กอ แต่ชาวบ้านเข้ามาช่วยกันปลูกเพิ่มจึงเกิดเป็นทางเดินอุโมงค์ไผ่ยาวราวๆ 200 เมตร
เมื่อเดินเข้ามาภายในบริเวณวัดรู้สึกเงียบสงบ ร่มรื่นและตื่นตาตื่นใจกับความเขียวขจีของอุโมงค์ไผ่มาก มีคนแวะเวียนเข้ามากราบไหว้พระปรางค์มารวิชัยและถ่ายรูปกับอุโมงค์ไผ่เป็นจำนวนมาก
หลังจากที่เราถ่ายรูปกันมาสักพักก็เริ่มจะหิวแล้ว จึงพากันไปแวะอีกหนึ่งจุดเช็คอินเด็ดของนครนายก เอเดน ฟาร์ม
เอเดนฟาร์ม (Aden Farm) กรีนมาร์เก็ตใกล้กรุงเทพฯ บนพื้นที่ 12 ไร่ ที่มีทั้งศูนย์จัดจำหน่ายเซรั่มอาช่าสเนล ศูนย์ฝึกการเรียนรู้เกษตรอินทรีย์ ร้านสินค้าธรรมชาติปลอดสารเคมี และพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจ จุดเริ่มต้นของที่นี่เกิดจากความตั้งใจของกลุ่มเอเดน ออแกนิค ที่มีความสนใจเรื่องหอยทากจึงได้เปิดฟาร์มเลี้ยงและเพาะพันธุ์ และยังแนะนำให้คนในชุมชนเข้ามาทำเป็นอาชีพเพื่อส่งเสริมให้ชาวบ้านมีงานทำอีกด้วย เอเดน ฟาร์ม เปิดบริการเวลา 09.00 – 19.00 น. โทร.081 375 0342, 081 306 4172
เมื่อขับรถเข้ามาจอดก็ต้องสะดุดตากับร่มสีสันสดใสที่ตกแต่งไว้หน้าทางเข้า กับหอยทากยักษ์เสมือนสัญลักษณ์ของที่นี่
ภายในเอเดนฟาร์มนั้นมีร้านอาหารหลากหลายให้บริการ โดยเมนูซิกเนเจอร์ที่ใครมาที่นี่ก็ต้องสั่ง สลัดปลาอวบอั๋น ปลาทอดเสิร์ฟพร้อมผักสลัดออแกนิค อิ่มสุขภาพดีในราคา 150 บาท
ต่อกันด้วย ขนมจีนน้ำยาปลา ของที่นี่โดดเด่นด้วยเนื้อปลาที่นำมาทำน้ำขนมจีนเป็นปลาแมคเคอเรล น้ำยาเข้มข้น กลมกล่อมมากๆ 70 บาท
ปิดท้ายด้วยความพิเศษสุดๆ ของข้าวขาหมูคู่ใจไขมันต่ำ เนื้อนุ่ม หอมเครื่องเทศ 70 บาท
มุมถ่ายรูปเพียบ!! ถูกใจคนชอบถ่ายรูปอย่างเราเลยค่ะ
หนังท้องตึง หนังตาก็เริ่มหย่อน ขอเช็คอินเข้าที่พักเลยละกัน สำหรับคืนนี้เราเข้าพักกันที่รีสอร์ทสุดร่มรื่นท่ามกลางธรรมชาติกับ มะขามฟอร์เรส รีสอร์ท โดยขับรถจากเอเดนฟาร์มใช้เวลประมาณ 20 กว่านาที
มะขามฟอร์เรส รีสอร์ท (Makham Forest Resort) รีสอร์ทบนเนื้อที่ 4 ไร่ติดริมลำธารวังตะไคร้ธารน้ำธรรมชาติจากต้นน้ำใหญ่ที่สุดน้ำตกวังตะไคร้ ที่ไหลมาบรรจบกับคลองมะเดื่อ มะขามฟอร์เรส รีสอร์ท โทร.095 164 1921, 086 138 5187
เมื่อเดินเข้ามาในบริเวณรีสอร์ทจะเจอกับสนามหญ้าและต้นไม้น้อยใหญ่ โดยออกแบบให้อาคารห้องพักอยู่ล้อมรอบสนามหญ้า ทั้งยังมีศาลานั่งชิลล์ด้วย โดยแต่ละอาคารจะอยู่ในมุมต่างๆ แยกโซนกันอย่างชัดเจนให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัว ภายในตกแต่งในสไตล์ลอฟท์มาพร้อมห้องพักบรรยากาศดีเห็นวิวเขาใหญ่ได้แบบเต็มตา มีห้องพักทั้งหมด 4 แบบได้แก่ บ้านริมน้ำ, Modren Loft, Industry และ Family Room รวมทั้งหมด 25 ห้อง
คืนนี้เราพักกันที่ห้อง Industry I8 ห้องพักตกแต่งสไตล์อินดัสเทรียลตัวอาคารเป็นปูนเปลือยขัดมัน 2 ชั้น ด้านหลังมองเห็นวิวเขื่อนขุนด่านปราการชล และจากห้องพักเดินไปเล่นน้ำที่ลำธารประมาณ 20 เมตร
ห้องพักมีให้เลือกทั้งเตียงเดี่ยวและเตียงคู่ ห้องพักขนาดกำลังดีมากับแฟน 2 คนสวีทกันสบาย สิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องพักครบครันทั้ง เครื่องปรับอากาศ เครื่องทำน้ำอุ่น ตู้เย็น ทีวี และอินเตอร์เน็ตไร้สาย ห้องพักในวันธรรมดาราคา 1,200 บาท และวันเสาร์-อาทิตย์ราคา 1,500 บาท รวมอาหารเช้า
เช้าๆ ตื่นมานั่งเล่นสูดอากาศบริสุทธิ์ที่ระเบียงหน้าห้องได้สบายๆ
ห้องนำ้ที่นี่ก็มีพื้นที่ใช้สอยได้สะดวกสบาย เพราะเค้าแยกโซนเปียกและโซนแห้งให้แล้ว
วันนี้ก็เที่ยวเช็คอินกันมา 2 ที่แล้ว ก็เพลียอยู่นะ แต่มาถึงที่นี่แล้วต้องไปนั่งชิงช้าเอาเท้าจุ่มน้ำที่ลำธารสักหน่อยเดี๋ยวเขาจะหาว่ามาไม่ถึงมะขามฟอร์เรสรีสอร์ท ยังไงเราขอตัวไปเล่นน้ำกันก่อนน้า
แอบเก็บภาพบรรยากาศยามค่ำของที่นี่มาฝากนิดหน่อย บอกเลยเงียบสงบมากๆ เที่ยวกันมาพอสมควรขอตัวไปนอนเก็บแรงไว้ตะลุยกินเที่ยวกันต่อในวันพรุ่งนี้นะ
ตื่นมาเช้านี้อากาศดีมาก ขอบอก!! เลยแอบแวบมานั่งแช่ในน้ำในสระว่ายน้ำสักหน่อย ก็ได้เวลาอาหารเช้าพอดี โดยต้องมาทานกันที่ห้องอาหารซึ่งก็อยู่ติดกับสระว่ายน้ำนี่แหละค่ะ อาหารเช้าที่นี่เป็นไลน์บุฟเฟ่ต์ มีให้เลือกรับประทานทั้งแบบข้าวต้มและ American Breakfast
เช้านี้เรากินข้าวต้ม ขนมปังทาเนยฉ่ำๆ ไข่ดาวเยิ้มๆ สลัดผัก ไส้กรอก แฮม และผลไม้สด และเครื่องดื่มของที่นี่เค้าก็มีหลากหลายทั้ง กาแฟร้อน ชาร้อน น้ำเปล่า น้ำมะตูม และน้ำส้ม
เติมพลังยามเช้าพร้อมเก็บของเช็คเอาท์เสร็จเรียบร้อยแล้ว ได้เวลาออกเดินทางไปตะลุยจุดเช็คอินต่างๆ ในนครนายกกันแล้ว ที่แรกในช่วงสายๆ ของวันเราจะไปเดินเขาเท่ๆ แชะภาพสวยๆ กันที่ เขาหล่นผจญภัย
เขาหล่นผจญภัย ตั้งอยู่ที่ ต.สาริกา อ.เมือง จ.นครนายก สถานที่ถ่ายทำมิวสิควิดีโอสวยๆ กับทุ่งหญ้าสีเหลืองทอง แต่เนื่องจากช่วงนี้ที่เรามาเที่ยวเป็นฤดูฝนหญ้าเลยเขียวๆ หน่อย
เลี้ยวเข้าซอยจากถนนใหญ่ขับเข้ามาเรื่อยๆ จะเจอกับจุดปีนหน้าผาโรยตัว และจิ้งจอกเวหา เราสามารถจอดรถที่นี่ได้เลย มองมาทางซ้ายมือเราจะเป็นสะพานเขาหล่น เป็นสะพานไม้ไผ่ใช้ไม้ไผ่ถึง 2,500 ลำ จะลัดเลาะไปตามแนวภูเขา ตรงจุดนี้ก็มีมุมถ่ายรูปสวยๆ หลายมุมเลยทีเดียว เราขอแวะถ่ายรูปสักหน่อยน้า
ช่วงหน้าฝนก็จะเขียวชอุ่ม สวยไปอีกแบบ
เดินไปจนสุดสะพานเราก็จะเดินไต่เขาขึ้นไปอีกหน่อย ก็จะพบกับวิวมุมสูงของจังหวัดนครนายกได้แบบสุดลูกหูลูกตากันเลยทีเดียว
เดินเล่นไต่เขาถ่ายรูปกันมาสักพักแล้ว ก็ได้เวลาอาหารเที่ยงแล้ว เราจะไปกินข้าวและเช็คอินกันที่ กลางนาคาเฟ่
กลางนาคาเฟ่ อยู่ใกล้ๆ กับตลาดเท่งวินเทจ เป็นคาเฟ่บนพื้นที่ 4 ไร่ ตกแต่งฝนสไตล์โมเดิร์นลอฟท์ผสมผสานความเป็นท้องถิ่น มีโซนให้เลือกนั่งหลากหลาย ทั้งโซนห้องกาแฟ โซนห้องกระจกแอร์เย็นฉ่ำ โซนดาดฟ้าเห็นวิวมุมสูงของนาสีเขียวชอุ่ม โซนระเบียงเห็นวิวทุ่งนาแบบพาโนรามา และโซนซุ้มกลางนา ทุ่งนาภายในบริเวณร้านของที่นี่จะเขียวตลอดทั้งปี กลางนา คาเฟ่ เปิดให้บริการทุกวันพฤหัสบดี – วันอังคาร (หยุดทุกวันพุธยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์) ตั้งแต่เวลา 09.30 – 18.00 น. โทร.081 577 7663
ในส่วนขอบ่อน้ำนั้นสามารถให้อาหารปลาได้ ค่าอาหารถุงละ 10 บาท
อาหารที่เราสั่งมากินกันวันนี้เป็นเมนูเด็ดของร้านเลยก็ว่าได้ ข้าวกระเพรากลางนา รสชาติเข้มข้นกลมกล่อมหอมกระเพรา 65 บาท
ต่อด้วยพิซซ่าทอด ชีสยืดๆ มีหลากหลายไส้ให้เลือกทั้ง ดับเบิ้ลชีส โบโลน่าสไปร์สซี่ชีส และอีกมากมาย ชิ้นละ 35 บาท
จับคู่มากับกาแฟกลางนา เครื่องดื่มซิกเนเจอร์ของร้าน กาแฟหอม เข้ม กลมกล่อมดีทีเดียว แก้วละ 50 บาท
กินอิ่มกันแล้วไปเดินเล่นถ่ายรูปกันอีกสักหน่อย เพราะที่นี่มุมถ่ายรูปเค้ามีเพียบ ทั้งเปลตาข่าย สะพานเพิ่มความร่ำรวย และสะพานข้ามน้ำ บรรยากาศดีมากๆ เราเดินถ่ายรูปกันจนเพลิน แต่ก็ยังอยากไปอีกสถานที่หนึ่งที่เขาว่า มานครนายกก็ต้องมาแวะถ่ายรูปและเช็คอินเก๋ๆ สูดโอโซนดีๆ กันที่ สะพานทุ่งนามุ้ย
สะพานทุ่งนามุ้ย ตั้งอยู่ที่ ต.สาริกา อ.เมือง จ.นครนายก สะพานไม้ไผ่ทอดยาวเป็นรูปตัวเอส พาดผ่านท้องนาของลุงอ๊อด เจ้าของไร่ ความยาวประมาณ 150 เมตร บนพื้นที่ 18 ไร่ ใช้ทำนา 15 ไร่ อีก 3 ไร่เป็นผืนป่า บรรยากาศที่นี่ร่มรื่นเต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ ทุ่งนาสีเขียวชอุ่มสวยงาม และทิวทัศน์เขาหล่นไปจนถึงเขาใหญ่ สะพานทุ่งนามุ้ย ร้านกาแฟเปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 – 18.00 น., สะพานทุ่งนามุ้ยเปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 06.00 – 19.00 น. โทร.094 493 4321
มาถึงกันแล้ว ต้องหยอดค่าบำรุงซ่อมแซมสะพานทุ่งนามุ้ย คนละ 10 บาท เป็นค่าไม้ไผ่ที่ใ้ชทำสะพานนั้นเองค่ะ
นาข้าวของที่นี่เป็นนาข้าวอินทรีย์ที่ลุงอ๊อดและชาวบ้านช่วยกันปลูก นอกจากนั้นลุงอ๊อดยังปลูกพืชผักสวนครัว และทำบ่อเก็บน้ำไว้ใช้ในการเกษตรอีกด้วย แถมยังมีพืชผักสวนครัวและข้าวไรซ์เบอร์รี่จำหน่ายให้เป็นของฝากติดไม้ติดมือกลับบ้านอีกด้วย
มีน้องแมวด้วย น้องซนมากจ้า
ถ่ายรูปกันจนหน่ำใจแล้ว อยากจะไปล่องเรือชมเขื่อนกันที่เขื่อนขุนด่านปราการชลสักหน่อย และอยากจะไปเดินป่าค้นหาความลับของธรรมชาติว่าจะสวยงามขนาดไหน ลุยกันเลยย!!
เขื่อนขุนด่านปราการชล ตั้งอยู่ที่บ้านท่าด่าน ต.หินตั้ง อ.เมือง จ.นครนายก เป็นเขื่อนคอนกรีตที่หญ่ที่สุดในประเทศไทย สร้างขึ้นตามแนวพระราชดำริของในหลวง รัชกาลที่ 9 เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ทำการเกษตร อุปโภค บริโภค แก้ปัญหาดินเปรี้ยว ป้องกันและบรรเทาอุทกภัย ผลักดันน้ำเค็มเพิ่มปริมาณน้ำใต้ดิน เป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์น้ำ และส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดนครนายกนั้นเองค่ะ
ในช่วงที่เรามาเที่ยวระดับน้ำอยู่ที่ 30 เมตร พี่ๆ ที่นี่บอกว่าระดับน้ำปีนี้ต่ำมากกว่าทุกปีค่ะ โดยในระดับน้ำสูงสุดของที่นี่จะอยู่ที่ 95-100 เมตรเลยค่ะ สำหรับการล่องเรือที่นี่เค้าเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 06.00 น.ค่ะ รอบของเรือจะมีเรื่อยๆ 1 ลำจะนั่งได้ประมาณ 15 คน ถ้าเหมาลำ 1-7 คน ราคาจะอยู่ที่ 1,500 บาท/ลำ ถ้ามากัน 8 คนขึ้นไปคิดค่าบริการคนละ 200 บาทค่ะ
ที่แรกที่เรือจะไปจอดให้เราคือ จุดเดินป่าน้ำตกช่องลมค่ะ ล่องเรือจากฝั่งมาถึงจุดนี้ใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที ค่ะ ตอนนี้เราก็มาถึงจุดแรกกันแล้ว ลุยโลด!!
เป็นสถานที่ที่บรรยากาศดีไม่แพ้ที่อื่นเลยจริงๆ มองไปทางไหนก็เป็นป่าเขาสีเขียวชอุ่ม สบายตาสุดๆ การเดินทางจากจุดจอดเรือเข้าไปถึงน้ำตกช่องลมใช้เวลาประมาณ 1 ชม. 30 นาที ค่ะ
ขอแวะนั่งพักล้างไม้ล้างมือซะหน่อย น้ำเย็นสบายมากจ้า
เดินมาเรื่อยๆ ก็มาถึงจุดที่จะต้องไต่เชือกไปตามแนวเขา ผจญภัยสุดๆ ทริปนี้
ไต่เชือกมาได้ เราก็เดินต่อกันมาเรื่อยๆ จะเจอกับสะพานไม้ไผ่ทางข้ามโขดหินไปยังน้ำตกช่องลม
ข้ามสะพานมาได้ก็จะเจอกับน้ำตกช่องลม บรรยากาศดีมาก เย็นสบาย เหนื่อยแต่คุ้มค่ะ ต้องมาให้ได้สักครั้ง
ก่อนจะกลับไปที่เรือขอแวะเก็กท่าถ่ายรูปเท่ๆ กับโขดหิน หุบเขา และป่าเขียวชอุ่มเก็บไว้เป็นความทรงจำสักหน่อยค่ะ
ไปต่อกันที่จุดที่ 2 เขาเรียกว่า “ต้นน้ำ” เป็นทุ่งดอกหญ้าสีเหลืองๆ เขียวๆ เดินเล่นถ่ายรูปที่นี่ก็ใช้เวลาประมาณ 1 ชม.ค่ะ มีมุมให้ถ่ายรูปเยอะเหมือนกันค่ะ รับรองกลับไปนี่มีรูปไว้อัพลง IG เพียบเลย
เดินเที่ยวเพลินๆ เริ่มจะร้อนแล้วละค่ะ เราเลยพากันไปเล่นน้ำตกกันที่ อุทยานวังตะไคร้
อุทยานวังตะไคร้ เป็นอุทยานทางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ มีน้ำตกวังตะไคร้และบ้านพัก ร้านอาหารกระจายตัวอยู่ทั่วอุทยานเลยแหละ โดยกิจกรรมและที่ท่องเที่ยวในอุทยานก็มีหลากหลาย ทั้งล่องแก่งห่วงยาง ล่องแก่งแพยาง เหินฟ้าท้าสายน้ำ น้ำตกจำลอง สวนดอกไม้ “คุณท่าน” การเดินทางที่นี่ก็ไม่ยากค่ะ อยู่ไม่ไกลจากเขื่อนขุนด่านปราการชลค่ะ ใช้เวลาเพียง 7 นาที ก็ได้มาสัมผัสธรรมชาติกันแล้ว โดยค่าธรรมเนียมอุทยานวังตะไคร้นักท่องเที่ยวคนละ 10 บาท รถทุกประเภท คันละ 150 บาท (ผู้โดยสารเกิน 8 คน คิดเพิ่มคนละ 10 บาท) สำหรับรถมอเตอร์ไซค์ ต้องจอดไว้บริเวณด้านหน้าทางเข้า ชำระค่าจอดรถ 10 บาท และค่าผ่านประตูเข้าวังตะไคร้ คนละ 10 บาท
ขอตัวไปนั่งจุ่มน้ำกันก่อนนะคะ
เก็บภาพบรรยากาศสุดร่มรื่นมาฝากค่ะ บอกเลยถ้ามานครนายกต้องแวะเข้ามาถ่ายรูปเล่น นั่งแช่น้ำกันที่นี่นะคะ
ก่อนกลับกรุงเทพเราไม่พลาดที่จะแวะจิบน้ำเต้าหู้อุ่นๆ ที่โรงเต้าหู้ เพราะว่าน้ำเต้าหู้ร้านนี้เป็นร้านขึ้นชื่อของนครนายกเลยค่ะ เราเลยต้องแวะไปชิมความอร่อยกันซะหน่อย
ความพิเศษของโรงเต้าหู้ นครนายกคือ น้ำเต้าหู้เป็นสูตรของคนจีนแท้ๆ ที่สืบทอดกันมากว่า 70 ปีแล้วค่ะ โดยคุณแม่อัมพรเล่าว่า เมื่อก่อนขายเป็นรถเข็น แต่ลูกชายจบสถาปัตย์มาจึงอยากจะพัฒนาร้านน้ำเต้าหู้ให้แต่งต่างจากร้านแบบเดิมๆ จึงออกแบบร้านร่วมกับเพื่อนจนเกิดมาเป็น โรงเต้าหู้ในตลาดเก่านครนายกแห่งนี้ โรงเต้าหู้ เปิดตั้งแต่เวลา 06.00-08.00 น. และเวลา 17.00-20.00 น. (ร้านหยุกทุกวันจันทร์) (หมดไวเก็บไว) โทร.080 309 7369, 098 874 7515
ขนมปังสังขยาของที่นี่ก็เป็นสูตรของลูกสาวแม่อัมพรเป็นคนทำค่ะ อร่อยมากๆ แม่อัมพรบอกว่า น้ำเต้าหู้ ขนม และสังขยาของที่นี่ไม่ใส่สารกันเสียใดๆ ทำสดใหม่จากเตาทุกวันค่ะ
วันนี้เราสั่งน้ำเต้าหู้ทรงเครื่อง หอมไม่หวานมาก เครื่องแน่นๆ ค่ะ
ต่อกันด้วยบัวลอยงาดำน้ำขิง บัวลอยนุ่มๆ ไส้งาดำแน่นมาก กินคู่กับน้ำขิงแล้วสดชื่นมากๆ ค่ะ
ยังไม่หมดค่ะ ต้องชิม ปาท่องโก๋จับคู่มากับสังขยา ปาทองโก๋กรอบนอกนุ่มใน แถมสังขยาก็หวานหอม
ปิดท้ายด้วยเต้าทึง หวานเครื่องแน่นทั้ง เม็ดแปะก๊วย เนื้อลำไย วุ้น เฉาก๋วย และท็อปด้วยเม็ดแมงลัก
อย่างที่บอกค่ะว่าเรามาให้รางวัลตัวเองด้วยการเน้นตะลุยเช็คอินกินเที่ยว เราเลยจัดเต็มไปด้วยร้านอร่อยเด็ด และตามล่าจุดเช็คอินท่ามกลางธรรมชาติของที่นี่ วันหยุดเสาร์-อาทิตย์แบบนี้ก็สามารถพาแฟน หรือครอบครัวมาเที่ยวชิลล์ๆ กันได้ที่จังหวัดนครนายก เมืองแห่งมนต์เสน่ห์ ที่คุณจะได้มาสัมผัสบรรยากาศธรรมชาติ สูดโอโซนดีๆ ให้เต็มปอด พร้อมพักผ่อนท่ามกลางป่าเขาลำเนาไพรแบบจัดเต็ม ทั้งยังอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ หากมีเวลาว่างลองหนีความวุ่นวายในเมืองกรุงมาใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์กันที่นี่ ปล่อยเวลาไปกับการนั่งเรือชมเขื่อน เดินเขาหล่น และยังได้รูปสวยๆ เพียบเลย รับรองเลยว่ามาแล้วเหมือนได้ชาร์จแบตให้เต็มร้อยพร้อมกลับไปลุยงานกันต่ออย่างแน่นอน
สรุปค่าใช้จ่ายทริปนครนายก 2 วัน 1 คืน
ค่าห้องพักที่มะขาม ฟอร์เรส รีสอร์ท 1 คืน 1,500 บาท (ราคาห้องพักอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาโทรสอบถามอีกครั้ง) (คนละ 750 บาท)
ค่าอาหารและเครื่องดื่ม เอเดน ฟาร์ม 290 บาท (คนละ 145 บาท)
ค่าอาหารและเครื่องดื่ม กลางนาคาเฟ่ 150 บาท (คนละ 75 บาท)
ค่าเข้าสะพานทุ่งนามุ้ย 20 บาท (คนละ 10 บาท)
ค่าล่องเรือชมเขื่อนขุนด่านปราการชล 1,500 บาท (ราคานี้สามารถเดินทางได้ 1-7 คน/ลำ) (คนละ 750 บาท)
ค่ารถยนต์เข้าอุทยานวังตะไคร้ 150 บาท (ผู้โดยสารเกิน 8 คน คิดเพิ่มคนละ 10 บาท) (คนละ 75 บาท)
ค่าอาหารและเครื่องดื่ม โรงเต้าหู้ 85 บาท (คนละ 42.5 บาท)
รวมค่าใช้จ่ายทริปนี้ คนละ 1,847.5 บาท (ราคาไม่รวมน้ำมันรถ)