tripgether.com

ทริป 2 วัน 1 คืน นั่งรถไฟเที่ยวเชียงใหม่ กินดี นอนดอย เที่ยวเด็ด เก็บครบทุกความชิลล์

221,636 ครั้ง
24 ต.ค. 2562

ฤดูฝนกำลังจะหมดไป ฤดูหนาวกำลังเข้ามาแทนที่ ยิ่งเข้าช่วงปลายปีลมหนาวที่พัดมาทำให้ผมรู้สึกตัวขึ้นได้ว่าวันหยุดยาวที่จะถึงนี้จะต้องจัดทริปเที่ยวไปที่ไหนสักที่ เที่ยวแบบเดินทางไปเรื่อยๆ ไม่รีบร้อนอะไร และช่วงหน้าหนาวปลายปีแบบนี้คงไม่มีที่ไหนที่จะเหมาะไปกว่าขึ้นไปเที่ยวภาคเหนือ จริงๆ แล้วที่ภาคเหนือมีจังหวัดน่าเที่ยวมากมาย แต่หนึ่งจุดหมายปลายทางสำหรับคนที่อยากเดินทางด้วยรถสาธารณะก็คือ จังหวัดเชียงใหม่

900x600


13.10 น.

บ่ายวันเสาร์ผมรีบมาที่ สถานีรถไฟหัวลำโพง เพราะการเดินทางในครั้งนี้ผมจะเดินทางไปกันที่ จังหวัดเชียงใหม่ อย่างที่บอกครับทริปนี้ถึงแม้ว่าจะเป็นทริปแบบ 2 วัน 1 คืน แต่ผมก็ไม่อยากเที่ยวแบบเร่งรีบ เลยเลือกที่จะนั่งรถไฟไป ผมนั่งรถไฟเร็วขบวนที่ 109 เวลาออกก็คือรอบ 13.45 น. ซึ่งจะไปถึงเชียงใหม่เวลา 04.05 น.

tripcm1

tripcm1

tripcm1

บรรยากาศภายในรถไฟก็ไม่แย่อย่างที่เคยได้ยินใครหลายๆ คนพูดมาครับ ซึ่งขบวนที่ผมจองจะเป็นรถไฟตู้นอน ซึ่งสามารถนอน 2 คนได้แบบสบายๆ ถ้าเข้ามาตอนที่ขบวนยังไม่ออกจะเป็นเบาะสำหรับนั่งหันหน้าเข้าหากัน แต่พอขบวนออกเดินทางสักพักจะมีเจ้าหน้าที่มาปรับเบาะนั่งเป็นที่นอนให้ แถมยังมี หมอน ผ้าห่ม และผ้าปูที่นอนสะอาดๆ ให้อีกด้วย ขอบอกไว้ก่อนเลยว่าให้เก็บตั๋วรถไฟไว้ให้ดีๆ เพราะจะมีเจ้าหน้าที่เดินมาตรวจตั๋ว ใครทำหายโดนเชิญลงสถานีหน้าไม่รู้ด้วยนะครับ^^

tripcm1

18.07 น.

รถไฟแล่นขบวนผ่านไปยังทุ่งนาและบ้านเรือนผู้คน พร้อมกับบรรยากาศแสงยามเย็น เป็นภาพที่ผมไม่ค่อยได้เห็น ถือว่าเป็นอีกหนึ่งความประทับใจและไม่ต้องกลัวจะหิว เพราะตลอดเส้นทางจะมีคุณลุงคุณป้าเอาขนมและอาหารขึ้นมาขายบนรถไฟตลอดการเดินทาง 

tripcm1

tripcm1

07.33 น. Day 1 In Chiang Mai

จริงๆ แล้วรถไฟมาถึงเชียงใหม่ตั้งแต่ 04.05 น. แล้วล่ะครับ ความรู้สึกแรกเมื่อรถไฟมาจอดที่ สถานีรถไฟเชียงใหม่ ลมหนาวเย็นๆ พัดมาปะทะกับร่างกายตั้งแต่ก้าวแรกที่เดินลงมาจากรถไฟ หลังจากเดินทางมา 15 ชั่วโมงผมเลยหาที่อาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่พร้อมลุยกับทริปนี้ แต่ก่อนอื่นเลยที่เป็นเบสิคสำหรับคนที่เดินทางมาเที่ยวเชียงใหม่ด้วยรถไฟ คือการ เช่ารถมอเตอร์ไซค์ ขับเที่ยว ผมก็ไม่พลาดที่จะหาร้านเช่ารถมอเตอร์ไซค์ใกล้ๆ สถานีรถไฟ ซึ่งราคาค่าเช่าก็อยู่ที่ประมาน 250 – 300 บาท/วัน (ราคาไม่รวมค่ามัดจำรถ)

tripcm1

tripcm1

tripcm1

tripcm1

เมื่อเช่ารถมอเตอร์ไซค์เสร็จที่แรกที่ผมมุ่งหน้าไปก็คือ โกปิ๊ คาเฟ่ คาเฟ่อาหารเช้าสุดฮิปที่ตั้งอยู่ที่ย่านสุดฮอตอย่างนิมมานเหมินทร์ซอย 9 ตัวร้านตกแต่งด้วยสไตล์จีนๆ มีทั้งโซนเอ้าท์ดอร์ที่นั่งท่ามกลางความร่มรื่นสูดอากาศยามเช้า และโซนอินดอร์ห้องแอร์ในตัวคาเฟ่ที่มีกิมมิคเป็นภาพเพ้นท์พนังแบบจีน ซึ่งทั้ง 2 โซนก็มีที่นั่งให้เลือกมากมายหลากหลายมุม ไม่ว่าจะนั่งมุมไหนก็รับรองว่าได้ภาพสวยๆ อย่างแน่นอน

tripcm1

tripcm1

tripcm1

tripcm1

แต่วันนี้ผมขอเลือกนั่งโซนเอ้าท์ดอร์เพราะมาเชียงใหม่ทั้งทีก็ต้องสูดอากาศและรับลมหนาวให้เต็มที่ พร้อมกับจัดเต็มเมนูอาหารเช้ามากมายไม่ว่าจะเป็นเมนูซิกเนเจอร์ของร้านอย่าง โกปี๊ปัง โกปี๊เบรคฟราสต์ ข้าวต้มแห้งหมูเครื่องใน ขนมจีบกุ้ง ไข่ลวก นมอัญชัญมะลิ และก๋วยจั๊บญวน ซึ่งจริงๆ แล้วยังมีอีกหลายเมนูอร่อยที่กลับมาครั้งหน้าผมต้องมาลองให้ได้

tripcm1

tripcm1

tripcm1

ในตัวร้านก็มีมุมให้เลือกนั่งเพียบ แถมแต่ละมุมยังถ่ายรูปสวยรับรองว่าถูกใจคุณผู้หญิงอย่างแน่นอน

tripcm1

tripcm1

บรรยากาศยามเช้ารอบๆ ตัวร้านที่จะได้เห็นชีวิตสโลว์ไลฟ์ของคนเชียงใหม่จริงๆ ถึงแม้ว่าจะเป็นร้านอาหารเช้าแต่ โกปี๊ คาเฟ่ เปิดทั้งวันตั้งแต่เวลา 07.30 – 16.00 น. สำหรับใครที่เอารถยนต์มาก็ยังมีลานจอดรถด้านข้างตัวร้านให้อีกด้วย 

tripcm1

tripcm1

กินมื้อเช้ากันจนอิ่มพุง ผมเลยเดินทางไปกันต่อที่ น้ำตกแม่สา ซึ่งจริงๆ แล้วทริปนี้ผมวางแผนขี่มอเตอร์ไซค์เที่ยวรูท อ.แม่ริม เพราะเป็นรูทที่มีสถานที่ท่องเที่ยวตลอดทางและเป็นรูทที่ใช้เดินทางไปยังม่อนแจ่ม ที่สำคัญยังอยู่ใกล้ตัวเมืองสามารถขับรถมอเตอร์ไซค์มาเที่ยวได้แบบชิลล์ๆ อีกด้วย น้ำตกแม่สา เป็นอีกหนึ่งแหล่งพักผ่อนที่มีบรรยากาศดีๆ มีอยู่ทั้งหมด 10 ชั้น ทางเดินขึ้นก็มีทั้งสะดวกและลาดชัน ที่ด้านหน้าทางเข้าจะมีเจ้าหน้าที่เก็บค่าธรรมเนียมคนละ 20 บาท

tripcm1

tripcm1

เมื่อเดินเข้ามาตามทางเดินถึงชั้น 5 จะเห็นน้ำตกไหลลงมาตามโขดหินเหมือนม่านน้ำไหลลงมา ผมบอกเลยว่าประทับใจตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น

tripcm1

tripcm1

มุมสะพานมุมนี้จะสามารถมองเห็นวิวน้ำตกได้อย่างชัดเจน แถมยังได้ถ่ายรูปสวยๆ อีกด้วย

tripcm1

tripcm1

หากเดินขึ้นไปถึงชั้น 6 – 7 ก็จะได้เห็นน้ำตกอีกมุมซึ่งบริเวณนี้จะมีบรรยากาศที่ร่มรื่นและเย็นสบาย

tripcm1

tripcm1

เที่ยวน้ำตกกันจนฉ่ำใจผมขับรถขึ้นไปต่อที่ สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ เป็นสถานที่รวบรวมและอนุรักษ์พันธุ์ไม้ไว้มากมาย ซึ่งถือได้ว่าเป็นสวนพฤกศาสตร์แห่งแรกของเมืองไทยที่มีมาตรฐานระดับสากล ภายในเต็มไปด้วยธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ของพันธุ์ไม้และดอกไม้เมืองหนาว ค่าธรรมเนียมผู้ใหญ่ คนละ 40 บาท สามารถขับรถเที่ยวด้านในได้เลย 

tripcm1

และที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่ก็คงหนีไม่พ้นทางเดินธรรมชาติลอยฟ้า Canopy Walks ที่จะทำให้เราได้เห็นป่าและธรรมชาติจากมุมบน แล้วยังมีโอกาสได้เห็นกิ่งก่าบินอีกด้วย ใครที่เป็นสายถ่ายรูป สายเซลฟี่จะต้องชอบมุมนี้อย่างแน่นอน ระหว่างทางเดินยังมีพื้นกระจกให้ไปยืนพิสูจน์ความกล้าด้วยนะ 

tripcm1

tripcm1

tripcm1

ภายใน สวนพฤกศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ยังมีกลุ่มอาคารเรือนกระจก ที่เป็นไฮไลท์ที่ใครๆ มาแล้วก็ต้องมาถ่ายรูปก็คือ เรือนพืชทนแล้ง ที่รวบรวมพืชทนแล้งจากทั่วโลกมาไว้ที่นี่ รับรองว่ามุมนี้ถูกใจสายฮิปสเตอร์อย่างแน่นอน 

tripcm1

tripcm1

tripcm1

และยังมี เรือนแสดงไม้ป่าดิบชื้น ที่มีต้นไม้สูงใหญ่ให้ความรู้สึกเหมือนเดินอยู่ในป่าและมีน้ำตกจำลองให้ถ่ายรูปกันอีกด้วย 

tripcm1

tripcm1

เที่ยวกันจนเพลิน เผลอแป้บเดียวก็ได้เวลาเช็คอินเข้าที่พัก ผมจึงขับรถไปต่อที่โซนม่อนแจ่มซึ่งใช้เวลาเดินทางจาก สวนพฤกศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ประมาน 35 นาที และที่พักที่เราจะพักกันในคืนนี้ก็คือ ม่อนสายลม ที่พักสไตล์สุดเท่ ที่ตั้งอยู่บนโลเคชั่นชั้นนำบนสุดของยอดดอย และยังเป็นยอดดอยที่อยู่ท่ามกลางภูเขารอบด้านแบบ 360 องศา มีครบทั้งร้านอาหาร และคาเฟ่

tripcm1

tripcm1

เดินทางมาเหนื่อยๆ ผมเลยมานั่งพักกันที่โซนคาเฟ่ของ ม่อนสายลม ที่ใช้ชื่อว่า ม่อนสายลม คอฟฟี่ สั่งชาเขียวมัทฉะ บูลฮาวายอิตาเลี่ยนโซดา และขนมปังปิ้งมานั่งชิลล์ดูวิวหลักล้านกันจนหายเหนี่อย

tripcm1

tripcm1

tripcm1

ที่นี่มีทั้ง บ้านพักสไตล์โมเดิร์น เต็นท์กระโจม VIP และที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ล่าสุดเลยก็คือ เต็นท์โดม ซึ่งผมเลือกนอนในคืนนี้ครับ และที่ผมชอบ ม่อนสายลม อีกอย่างก็คือ ไม่ว่าจะเป็นบ้านโมเดิร์น เต็นท์กระโจม VIP หรือเต็นท์โดม ทุกหลังจะหันหน้าออกสู่วิวธรรมชาติและไม่บดบังกัน ทำให้สามารถเห็นวิวได้อย่างเต็มที่

tripcm1

tripcm1

ภายในตัว เต็นท์โดม มีพื้นที่กว้างขวางเป็นทรงกลม และปูพื้นด้วยกระเบื้องดูสะอาดตา อีกทั้งยังมีที่นอนสำหรับนอน 2 คนพร้อมชุดเครื่องนอน และยังมีพัดลม ชั้นวางของ น้ำเปล่า แก้วน้ำ ผ้าเช็ดตัว และปลั๊กไฟให้อีกด้วย 

tripcm1

ด้านข้างตัวเต็นท์ยังมีช่องโปร่งแสงที่สามารถมองทะลุออกไปชมวิวด้านนอกได้ด้วยนะ

tripcm40

และยังมีห้องน้ำส่วนตัวพร้อมเครื่องทำน้ำอุ่นระบบแก๊สไว้ให้อีกด้วย

tripcm1

ด้านหน้า เต็นท์โดม ยังมีพื้นที่ไว้ให้นั่งชิลล์ ยิ่งช่วงยามเย็นจะได้เห็นพระอาทิตย์ตกหลังเขา ยิ่งแสงพระอาทิตย์ตกในช่วงหน้าหนาวบอกเลยว่าต้องฟินสุดๆ เพราะจะได้เห็นแสงทไวไลท์ที่สวยงาม หรือจะสั่งหมูกระทะมากินที่มุมนี้รับรองว่าฟินสุดๆ ซึ่งไม่ต้องออกไปหากินที่ไหนไกล เพราะ ม่อนสายลม มีทั้งเช็ตหมูกระทะและอาหารไว้ให้บริการ

tripcm1

tripcm1

กินหมูกระทะที่ร้านว่าฟินแล้ว แต่กินหมูกระทะบนดอยผมว่าฟินกว่าทั้งบรรยากาศและอากาศหนาวๆ คงไม่มีอะไรที่ฟินไปกว่าการนั่งปิ้งหมูกระทะท่ามกลางสายหมอกอีกแล้ว รับรองเลยว่าที่นี่จะเป็นจุดหมายปลายทางของการพักผ่อนในวันหยุดของเพื่อนๆ ที่ฟินสุดๆ 

tripcm1

tripcm1

บรรยากาศยามค่ำคืนของ ม่อนสายลม ที่จะได้เห็นแสงไฟระยิบระยับไปทั่วทั้งดอย

tripcm1

tripcm1


Day 2 In Chiang Mai

เช้าวันที่ 2 ของทริปผมรีบตื่นนอนตั้งแต่เช้าเพื่อออกมาดูทะเลหมอกที่ระเบียงเต็นท์โดม บอกเลยว่าหนาวและฟินสุดๆ 

tripcm1

tripcm1

tripcm1

สำหรับอาหารเช้าของที่นี่จะเสิร์ฟเป็นข้าวต้มหมูแบบบุฟเฟ่ต์ ตั้งแต่ 07.30 – 09.00 น. และยังสามารถตักไปกินที่หน้าห้องพักของตัวเองได้ด้วยนะ 

tripcm1

tripcm1

นอกจากนี้แล้วบริเวณรอบๆ ม่อนสายลม ยังมีมุมให้ถ่ายรูปสวยๆ มากมายทั้งทุ่งดอกไม้ ที่มีทั้งดอกคัตเตอร์สีขาว ดอกเวอร์บีน่าสีม่วง และดอกคอสมอสสีชมพู 

tripcm1

tripcm54

ผมเช็คเอ้าท์ออกจาก ม่อนสายลม ช่วงสายๆ และไปต่อกันที่ โครงการหลวงหนองหอย ซึ่งจะมี ไร่ดอกลมหนาว ไร่ดอกไม้ที่บานสะพรั่งไปทั่วทั้งดอย มีทั้งดอกเวอร์บีน่าและดอกคอสมอสให้ถ่ายรูป เก็บค่าเข้าสวนคนละ 20 บาทเท่านั้นเอง 

tripcm1

tripcm1

tripcm1

ใครที่ชอบถ่ายรูปรับรองว่าได้รูปสวยๆ กลับไปอย่างแน่นอน

tripcm1

และแล้วก็ได้เวลากลับเข้าตัวเมืองเชียงใหม่ระหว่างทางผมเลยแวะไปที่ร้าน น้ำเหนือนั่งเล่น ร้านอาหารบรรยากาศดีที่ตั้งอยู่ริมทางขึ้น – ลง ม่อนแจ่ม ตัวร้านจะเป็นร้านอาหารริมลำธาร มีที่นั่งให้เลือกมากมาย เมนูอาหารก็มีทั้ง อาหารพื้นเมือง ส้มตำ และอาหารบ้านๆ 

tripcm1

tripcm1

tripcm1

วันนี้ผมสั่ง ส้มตำไทย ผัดผักรวม ไก่ย่าง และแกงคั่วไก่มากินชิลล์ๆ ฟังเสียงน้ำไหลเพลินๆ 

tripcm1

tripcm1

และยังมีมุมสะพานข้ามลำธารให้ถ่ายรูปด้วยนะ 

tripcm1

และเมื่อมาถึงเชียงใหม่แล้วอีกหนึ่งสถานที่ที่พลาดไม่ได้เลยก็คือ ดอยสุเทพ ที่มี วัดพระธาตุดอยสุเทพ วัดคู่บ้านคู่เมืองเชียงใหม่ที่ผู้คนให้ความเคารพนับถือ และที่เป็นไฮไลท์ก็คือเจดีย์สีทองอร่ามบรรจุพระบรมสารีริกธาตุเอาไว้ภายใน ซึ่งวัดพระธาตุดอยสุเทพตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองเพียง 14 กิโลเมตรเท่านั้น และยังสามารถขี่รถมอเตอร์ไซค์ขึ้นได้แบบชิลล์ๆ 

tripcm1

ระหว่างทางขึ้นจะมีจุดชมวิวเมืองเชียงใหม่ให้แวะชมอีกด้วย

tripcm1

เมื่อขึ้นมาถึงด้านล่างวัดพระธาตุดอยสุเทพจะต้องเดินขึ้นบรรไดนาค 306 ขั้น หรือใครที่กลัวเดินขึ้นไม่ไหวที่นี่ยังมีบริการรถรางไฟฟ้าไป – กลับ ราคา 20 บาท ผมเลยเลือกที่จะขึ้นรถรางเพราะเมื่อยล้าจากการขับรถมาทั้งวัน 

tripcm1

tripcm1

tripcm1

เมื่อขึ้นมาถึงจะต้องร้องว้าว! เพราะจะได้เห็นพระธาตุสีทอง เป็นเจดีย์ทรงเชียงแสน ฐานสูงย่อมุมระฆังทรงแปดเหลี่ยมปิดด้วยทองจังโก 2 ชั้น และผมก็ไม่พลาดที่จะกราบไหว้ขอพรและเดินวนเจดีย์จนครบ 3 รอบ เพื่อความเป็นศิริมงคลแก่ชีวิต

tripcm1

tripcm1

tripcm1

ด้านข้างยังมีจุดชมวิว ที่สามารถมองเห็นวิวสนามบินเชียงใหม่และยังได้เห็นเครื่องบินขึ้น – ลง ที่สนามบินจากมุมสูงอีกด้วย ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวที่มีวิวแปลกและแตกต่างไปจากที่อื่น

tripcm1

tripcm1

ขาลงผมเลือกเดินลงบันไดนาคและแวะถ่ายรูปกับเด็กชาวเขาสักหน่อย 

tripcm1

tripcm1

เมื่อขึ้นมาถึงดอยสุเทพแล้วจะไม่ขึ้นไป ดอยปุย ถือว่าพลาด เพราะทั้งสองดอยเป็นรูทเที่ยวเดียวกันและอยู่ห่างกันไม่ไกล ผมจึงไปกันต่อที่ ดอยปุย ใช้เวลาเดินทางประมาน 30 นาที 

tripcm1

ระหว่างขึ้นดอยปุยผมสัมผัสได้ถึงอากาศหนาวๆ ถึงแม้ว่าจะเป็นเวลาช่วงบ่าย สองข้างทางเต็มไปด้วยป่าเขาที่อุดมสมบูรณ์และร่มรื่นสุดๆ 

tripcm1

และผมก็ปิดท้ายทริปกันที่ หมู่บ้านม้งดอยปุย ระหว่างทางเดินไปยังจุดชมวิวด้านบนเต็มไปด้วยร้านขายของฝากของที่ระลึกที่เป็นสินค้าแฮนด์เมด และยังมีชุดม้งให้ซื้อติดไม้ติดมือกลับไปอีกด้วย 

tripcm1

tripcm1

ขึ้นมาถึงดอยปุยก็ต้องมาจิบกาแฟสักแก้ว ผมมาที่ร้าน กาแฟป่า ร้านกาแฟวิวดีที่ตั้งอยู่ด้านบนของหมู่บ้านและต้องเดินผ่านตัวหมู่บ้านเข้ามา ซึ่งเมนูซิกเนเจอร์ของที่นี่ก็คือ กาแฟป่าร้อน รสชาติเข้มข้นเสิร์ฟคู่กับน้ำผึ้งและชามะนาวที่ช่วยลดอาการเมารถได้เป็นอย่างดี ร้านกาแฟป่า เปิดตั้งแต่เวลา 06.00 – 18.00 น.

tripcm1

tripcm1

เดินลัดตัวหมู่บ้านไปอีกสักหน่อยก็จะได้เห็นจุดชมวิวและสวนดอกไม้ที่มีดอกไม้นานาชนิดให้เราได้ชมกัน และเดินทางกลับไปยังสนามบินเชียงใหม่ซึ่งใช้เวลาเดินทางประมานชั่วโมงนิดๆ อาจจะต้องเผื่อเวลาสำหรับเดินทางกลับกันดีๆ ล่ะ

tripcm1

tripcm1

tripcm1

สำหรับการเดินทางกลับผมเดินทางกลับโดยเครื่องบินซึ่งทำการจองล่วงหน้าเอาไว้แล้วจึงได้ตั๋วเครื่องบินราคาประหยัด และขอตัวกลับไปพร้อมกับความประทับใจกับทริปเที่ยวสั้นๆ ที่เชียงใหม่ครั้งนี้

tripcm1

tripcm96

จบทริปกับการเดินทางมาเที่ยวเชียงใหม่ และม่อนแจ่มในช่วงหน้าหนาวครั้งนี้ เป็นทริปที่ผมประทับใจตั้งแต่เลือกที่จะเดินทางด้วยรถไฟ และเช่ารถมอเตอร์ไซค์เที่ยวไปตามเส้นทางเที่ยวใกล้ตัวเมืองเชียงใหม่ และเป็นทริปสั้นๆ ที่เที่ยวได้หลายที่ ครบทั้งเรื่องกิน เรื่องนอน และจุดเช็คอินสวยๆ ที่อยากแนะนำให้เพื่อนๆ ลองเอาไปเป็นตัวอย่างทริปเที่ยวเชียงใหม่ดู รับรองเลยว่าสนุกและฟินสุดๆ 


สรุปค่าใช้จ่ายทริปนั่งรถไฟเที่ยวเชียงใหม่ 2 วัน 1 คืน
ค่าตั๋วโดยสารรถไฟเร็ว
ขบวนที่ 109 หัวลำโพง – เชียงใหม่ ประเภทตู้นอนล่าง ราคา 761X2 = 1522 บาท
ค่าเช่ารถมอเตอร์ไซค์ วันละ 250 x 2 วัน = 500 บาท (หาร 2 คน 250 บาท)
ค่าอาหารเช้า โกปี๊ คาเฟ่ 331 บาท (หาร 2 คน 166 บาท)
ค่าเข้าน้ำตกแม่สาคนละ 20 x 2 คน = 40 บาท มอเตอร์ไซค์คันละ 20 รวม 60 บาท (หาร 2 คน 30 บาท)
ค่าเข้าสวนพฤกศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ คนละ 40 x 2 = 80 บาท (หาร 2 คน 40 บาท)
ค่าที่พักม่อนสายลม เต็นท์โดม 1,900 บาท หมูกระทะ 450 บาท และเครื่องดื่ม 190 บาท รวม 2,540 บาท (หาร 2 คน 1,270 บาท)
ค่าเข้าไร่ดอกลมหนาว คนละ 20 x 2 = 40 บาท (หาร 2 คน 20 บาท)
ค่าอาหารและเครื่องดื่มร้าน นำเหนือนั่งเล่น 400 บาท (หาร 2 คน 200 บาท)
ค่าขึ้นรถรางไฟฟ้าวัดพระธาตุดอยสุเทพ 20 x 2 = 40 บาท (หาร 2 คน 20 บาท)
ค่าเครื่องดื่มร้านกาแฟป่าหมู่บ้านม้งดอยปุย 90 บาท (หาร 2 คน 45 บาท)
เติมน้ำมันรถตลอดทริป 200 บาท (หาร 2 คน 100 บาท)
ค่าตั๋วเครื่องบิน เชียงใหม่ – ดอนเมือง 690 x 2 = 1,380 บาท (ราคาตั๋วเครื่องบินโปรโมชั่นและจองล่วงหน้า)
**สรุปค่าใช้จ่ายคนละ 3,582 บาท

 


ผู้เขียน

admin tripgether
สัญญาว่าจะเที่ยวให้ดีที่สุด!!

เรื่องที่คุณอาจสนใจ