7 วิธีเอาตัวรอด!! เมื่อต้องออกเดินทางช่วง COVID-19 ระบาด

เชื่อว่าสถานการณ์ในช่วงนี้หลายๆ คนกำลังเป็นกังวลอยู่กับโรคระบาดจากเชื้อไวรัส COVID-19 กันอยู่แน่ๆ จะเดินทางไปไหนมาไหนก็ต้องเป็นกังวลใจกลัวเชื้อไวรัสจะเข้าสู่ร่างกาย แต่การออกเดินทางบางครั้งก็เป็นสิ่งที่เราเลี่ยงไม่ได้ วันนี้ทริปเก็ทเตอร์เลยเอา 7 วิธีง่ายๆ สำหรับการปฏิบัติตัวเองเมื่อจะต้องออกเดินทางช่วงเชื้อไวรัส COVID-19 ระบาด ซึ่งเป็นวิธีง่ายๆ ที่สามารถเริ่มด้วยตัวเราเอง

---

1.เตรียมหน้ากากอนามัยให้พร้อม

เมื่อจำเป็นต้องออกเดินทาง อย่างแรกที่เราจะต้องเตรียมเลยก็คือ หน้ากากอนามัย ซึ่งหน้ากากอนามัยที่สามารถป้องกันเชื้อไวรัสได้ก็คือหน้ากากแบบ N95, FFP1 และหน้ากาก Surgical Mask แบบที่เรานิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย ซึ่งหน้ากาก 3 ชนิดนี้สามารถป้องกันเชื้อไวรัสได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือสามารถใช้หน้ากากอนามัยแบบผ้าก็สามารถป้องกันเชื้อไวรัสได้เช่นกัน แต่อย่างไรก็ต้องใช้อย่างถูกวิธีเพื่อป้องกันเชื้อไวรัสให้ได้ผลมากที่สุด ถึงแม้ว่าการใส่หน้ากากอนามัยจะไม่ได้ช่วยป้องกันเชื้อไวรัสได้ 100% แต่ทริปเก็ทเตอร์คิดว่าก็ยังสามารถป้องกันได้บ้าง ดีกว่าไม่ป้องกันอะไรเลย

---

2.เตรียมแอลกอฮอล์เจล สเปรย์แอลกอฮอล์ ทิชชู่เปียกให้พร้อม

และอีกหนึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับการเดินทางในช่วงนี้ก็คือ แอลกอฮอล์เจล สำหรับฆ่าเชื้อไวรัสซึ่งต้องเป็นแอลกอฮอล์เจลที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ 70% ขึ้นไปโดยปริมาตร และต้องมีประสิทธิภาพในการลดเชื้อไวรัสได้มากกว่าหรือเท่ากับ 5 log ซึ่งแอลกอฮอล์เจลเป็นที่นิยมอย่างมากเพราะสามารถหยิบขึ้นมาใช้งานได้ง่ายและรวดเร็ว ควรใช้ก่อนสัมผัสวัตถุและหลังจากสัมผัสวัตถุแล้ว หรือจะพกแอลกอฮอล์แบบน้ำสีฟ้าที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากัน นำมาแบ่งใส่ขวดสำหรับฉีดก็สามารถนำมาฉีดวัตถุต่างๆ เพื่อฆ่าเชื้อไวรัสได้เช่นเดียวกัน แต่ถ้าใครที่อยากป้องกันอีกขั้นก็สามารถพกทิชชู่เปียกติดกระเป๋าไว้เช็ดมือหรือวัตถุต่างๆ ได้อีกด้วยนะ

---

3.ล้างมือบ่อยๆ เท่าที่จะทำได้ อย่างน้อย 20 วินาที

การล้างมือ เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันเชื้อไวรัสเข้าสู่ร่างกาย เพราะจากการสำรวจแล้วลักษณะนิสัยของมนุษย์จะมีการเอามือมาสัมผัสใบหน้าทุก 15 วินาที ซึ่งถ้าหากมีเชื้อไวรัสอยู่ที่มือจะทำให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายผ่าน ตา จมูก และปากได้อย่างรวดเร็ว แต่การล้างก็ควรต้องล้างให้ถูกวิธีและล้างด้วยสบู่เหลวที่ผสมน้ำยาฆ่าเชื้อโรคอย่างน้อย 20 วินาทีขึ้นไป ทริปเก็ทเตอร์ขอแนะนำเลยว่าการล้างมือเป็นวิธีการฆ่าเชื้อไวรัสที่ง่ายที่สุดและลงทุนน้อยที่สุด เพราะฉนั้นควรล้างมือบ่อยๆ เท่าที่เราจะทำได้

---

4.ปิดฝาชักโครกก่อนกดเมื่อต้องใช้ห้องน้ำสาธารณะ

การปิดฝาชักโครกก่อนกดน้ำ เป็นอีกหนึ่งวิธีที่หลายๆ คนอาจมองข้าม แต่ความจริงแล้วการปิดฝาชักโครกในห้องน้ำสาธารณะก่อนกด เป็นสิ่งที่เราควรปฏิบัติอย่างมาก เพราะในขณะที่เรากดชักโครกละอองน้ำที่อยู่ภายในจะฟุ้งกระจายขึ้นมาพร้อมกับเชื้อไวรัส ลองคิดดูง่ายๆ ก็คือเชื้อไวรัสที่ลอยขึ้นมาพร้อมกับละอองน้ำมาเกาะตามร่างกายเราและฟุ้งอยู่ในอากาศที่เราสูดอากาศหายใจเข้าไป ถึงแม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ แต่ในสถานการณ์แบบนี้ทริปเก็ทเตอร์คิดว่าป้องกันไว้ก็ไม่เสียหายอะไร

---

5.ใช้ข้อนิ้วมือหรือกุญแจรถแทนการใช้นิ้วกดปุ่ม

อีกหนึ่งสิ่งที่เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เลยก็คือ การใช้นิ้วมือสัมผัสปุ่มกดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ตู้ ATM การใช้ลิฟต์ หรือแม้แต่การกดชักโครกก็ตาม เพราะทุกสิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่อยู่ในที่สาธารณะทั้งสิ้น ให้เพื่อนๆ คิดไว้เสมอว่าทุกที่ที่เราไปอาจจะมีเชื้อไวรัสติดอยู่ แต่ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะฉนั้นลองเปลี่ยนวิธีการกดปุ่มต่างๆ จากการที่เราจะต้องให้นิ้วมือสัมผัสปุ่นโดยตรง ให้เปลี่ยนมาใช้ข้อนิ้วมือกดแทนและรีบเช็ดแอลกอฮอล์เจล หรืออาจจะใช้กุญแจรถกดปุ่มต่างๆ แทนการใช้มือของเราสัมผัสโดยตรง

---

6.เว้นระยะห่างเมื่อต้องอยู่ในพื้นที่ที่มีคนเยอะ

หากจำเป็นต้องไปในสถานที่ที่มีคนหมู่มาก ทริปเก็ทเตอร์แนะนำให้เว้นระยะห่างของแต่ละคนอย่างน้อย 1 – 2 เมตร เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อและแพร่กระจายของเชื้อไวรัส

---

7.เตรียมถุงซิปล็อคสำหรับใส่หน้ากากอนามัยที่ใช้แล้วเพื่อไม่ให้เชื้อโรคแพร่กระจาย

อีกหนึ่งวิธีที่ป้องกันไม่ให้เชื้อไวรัสแพร่กระจายก็คือ การเตรียมถุงซิปล็อคไว้เพื่อใส่หน้ากากอนามัยที่เราใช้แล้ว เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เชื้อไวรัสแพร่กระจายไปสู่ผู้อื่น เป็นอีกหนึ่งวิธีที่เราควรจะร่วมกันทำเพื่อรับผิดชอบต่อสังคมและลดการแพร่กระจายเชื้อไวรัส COVID-19

เป็นอย่างไรกันบ้างกับ 7 วิธีปฏิบัติตัวเองเมื่อต้องออกเดินทาง ซึ่งแต่ละวิธีเป็นวิธีง่ายๆ ที่เราสามารถทำได้ด้วยตัวเราเอง ถึงแม้ว่าการเดินทางไปยังที่ต่างๆ สำหรับบางคนจะยังหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เราก็สามารถดูแลตัวเองให้ห่างไกลจากเชื้อไวรัส COVID-19 ได้ และที่สำคัญหากเรามีจิตสำนึกและความรับผิดชอบต่อสังคม ก็จะยิ่งช่วยลดจำนวนผู้ป่วยได้อีกด้วย

---