9 ที่เที่ยวไทยสไตล์ญี่ปุ่น ไม่ต้องบินก็ฟินได้!

ปลายปีอากาศดีๆ แบบนี้ เราชื่อว่าหลายคนคงกำลังคิดถึงการไปเที่ยวต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่นอยู่ใช่ไหมคะ? แต่ด้วยสถานการณ์ที่ยังไม่เอื้ออำนวยเท่าไหร่ เราเลยต้องเที่ยวในประเทศไทยวนไปแบบประหยัดงบ และถือเป็นการกระจายรายได้ช่วยคนในชุมชนท้องถิ่นไปด้วย วันนี้ทริปเก็ทเตอร์จึงขอรวบรวม 9 ที่เที่ยวไทยสไตล์ญี่ปุ่น ไม่ต้องบินก็ฟินได้! มาฝากเพื่อนๆ ที่กำลังคิดถึงญี่ปุ่นกัน จะมีที่ไหนน่าตามไปเที่ยวบ้าง ตามมาดูเล้ย!

---

1.เจปาร์ค ศรีราชา นิฮอนมูระ, ชลบุรี
(J-Park Sriracha Nihon Mura)

เริ่มกันที่ J-Park Sriracha Nihon Mura คอมมูนิตี้มอลสไตล์ญี่ปุ่นในย่านศรีราชา ชลบุรี ที่นี่เป็นทั้งที่เที่ยว ที่กิน และแหล่งช็อปปิ้ง บนพื้นที่กว่า 15 ไร่ และมีร้านค้าถึง 47 ร้านค้าเลยทีเดียว ใครเป็นสายช็อป สายกิน ห้ามพลาดเลย! นอกจากนี้เจปาร์ค ศรีราชา ยังมีร้านเช่าชุดยูกาตะและชุดกิโมโนให้ใส่ถ่ายรูปกันแบบครบเซ็ตทั้งชุด พร็อบ รองเท้า แอ๊บเพื่อนว่าไปเที่ยวญี่ปุ่นกันแบบเนียนๆ ไปเลย~

(ขอบคุณรูปภาพจากคุณ Thiti Chawanawech)

Location: ถนนศรีราชา-หนองค้อ ต.สุรศักดิ์ อ.ศรีราชา ใกล้กับทางหลวงหมายเลข 7 จ.ชลบุรี
Open-Close: เปิดบริการทุกวัน 10.00-22.00 น.
Phone: 038 338 444
Facebook: J-Park Sriracha Nihon Mura

---

2.ฮิโนกิ แลนด์, เชียงใหม่
(Hinoki Land)

ฮิโนกิ แลนด์ ที่เที่ยวไทยสไตล์ญี่ปุ่น ตั้งอยู่ จ.เชียงใหม่ เป็นที่เที่ยวที่จำลองอาณาจักรฮิโนกิแบบญี่ปุ่น บนพื้นที่กว่า 83 ไร่ มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศ ด้านในประกอบด้วยปราสาทไม้ทรงญี่ปุ่นขนาดใหญ่ โคมแดงแบบวัดอาซากุสะที่โตเกียว เสาแดงโทริอิเหมือนที่วัดฟูชิมิอินาริ ทั้ง 3 จุดนี้ถือเป็นไฮไลท์สำคัญและเป็นที่นิยมมากในหมู่นักท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังมีบริการเช่าชุดกิโมโนถ่ายรูปเก๋ๆ ให้ฟีลเหมือนไปเที่ยวญี่ปุ่นสุดๆ เลยค่ะ

(ขอบคุณรูปภาพจาก ฮิโนกิ แลนด์)

Location: ต.ศรีดงเย็น อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่
Open-Close: เปิดบริการทุกวัน 08.00-17.00 น.
Fee: ผู้ใหญ่ 80 บาท, เด็กส่วนสูง 110 ซม. – 135 ซม.  30 บาท
Phone: 089 837 3373, 094 731 0731
Facebook: Hinoki land

---

3.ซุ้มไผ่ วัดจุฬาภรณ์วนาราม, นครนายก
(Sumpai Watchulawanaram)

ซุ้มไผ่ วัดจุฬาภรณ์วนาราม อีกหนึ่งจุดเช็คอินที่เหมือนวาร์ปเข้าไปประเทศญี่ปุ่นแถบเมืองอาราชิยาม่าอย่างไงอย่างงั้น ตั้งอยู่ภายในวัดชื่อดังของจังหวัดนครนายกอย่างวัดจุฬาภรณ์วนาราม บรรยากาศร่มรื่นเขียวขจี สำหรับอุโมงค์ไม้ไผ่มีความยาวเกือบ 300 เมตร เป็นอุโมงค์ไม้ไผ่โค้งงอเข้าหากัน ถ่ายรูปออกมาสวยสุดๆ แถมอยู่ไม่ไกลกรุงเทพด้วยนะ

Location: วัดจุฬาภรณ์วนาราม ต.บ้านพริก อ.บ้านนา จ.นครนายก
Open-Close: เปิดบริการทุกวัน 06.00-18.00 น.
Phone: 080 011 3791
Facebook: วัดจุฬาภรณ์วนาราม

---

4.แบมบู โกลบ อุโมงค์สวนไผ่, เชียงใหม่
(Bamboo Grove, Chiangmai)

แบมบู โกลบ อุโมงค์สวนไผ่ จุดเช็คอินสไตล์ญี่ปุ่นในเชียงใหม่ ที่นี่เป็นทั้งที่พัก ร้านอาหาร และคาเฟ่บรรยากาศดี ท่ามกลางธรรมชาติ ไฮไลท์คืออุโมงค์ไม้ไผ่ที่ทอดยาวเป็นทางเดิน คล้ายกับป่าไผ่ในญี่ปุ่นแห่งเมืองอาราชิยาม่า ที่นี่มีทั้งมุมอุโมงค์ไม้ไผ่และมุมเสาโทริอิ ซึ่งโซนที่ว่านี้มีต้นไผ่มากถึ 1,700 ต้น บรรยากาศร่มรื่นสุดๆ ใครมาเที่ยวเชียงใหม่ในช่วงนี้แวะมาเช็คอินที่นี่กันได้ รับรองว่าได้รูปเพียบค่ะ

(ขอบคุณรูปภาพจาก แบมบู โกลบ อุโมงค์สวนไผ่)

Location: 76 ม.4 ต.สบเปิง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่
Open-Close: เปิดบริการทุกวัน 08.00 – 17.00 น.
Phone: 065 881 1144
Facebook: Bamboo Grove, Chiangmai  

---

5.เชียงราย เรียวกัง, เชียงราย
(Ryokan Cafe)

เชียงราย เรียวกัง ที่พักเชียงรายสไตล์เรียวกังแท้ๆ เหมือนยกประเทศญี่ปุ่นมาไว้ในเชียงรายอย่างไงอย่างงั้น ออกแบบให้เหมือนกับอยู่ในชุมชนชนบทในญี่ปุ่น ท่ามกลางบรรยากาศท้องทุ่งนาสีเขียวขจี มีหุ่นรูปปั้นโตโตโร่ ตัวการ์ตูนญี่ปุ่นชื่อดังให้แวะแชะภาพกันด้วย แถมยังมีเรียวกัง คาเฟ่ สำหรับนักท่องเที่ยวที่มาแวะพักผ่อน จิบชายามบ่ายกันชิลล์ๆ

Location: 134 ม.4 ต.บัวสลี อ.แม่ลาว จ.เชียงราย
Open-Close: เปิดบริการทุกวัน 09.00 – 18.30 น.
Phone: 081 868 3010
Facebook: Ryokan Cafe’

---

6.กาญจน์ มาชิ คาเฟ่, กาญจนบุรี
(Kan Machi Cafe)

กาญจน์ มาชิ คาเฟ่ คาเฟ่ชิคๆ สไตล์ญี่ปุ่นในสวนแบบเซน ไฮไลท์คือซุ้มประตูสีแดงหรือเสาโทริอิบริทางเข้าร้าน ภายในร้านมีโซนให้เลือกนั่งทั้ง Indoor และ Outdoor นอกจากนี้ยังมีบ่อปลาคราฟที่ว่ายน้ำไปมาให้บรรยากาศสดชื่นฟีลญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก และยังมีมุมถ่ายรูปแบบ Japaneses Street ไว้ให้แชะภาพกันแบบคูลๆ อีกด้วย รับรองว่าใครเป็นสายถ่ายรูปไม่มีผิดหวัง!

Location: 55/55 ม.2 ต.ท่ามะขาม อ.เมือง จ.กาญจนบุรี
Open-Close: เปิดบริการเวลา 10.00-19.00 น. (ร้านปิดทุกวันพุธ)
Phone: 094 592 6553
Facebook: Kan Machi Cafe

---

7.มีใจให้มัทฉะ, เชียงใหม่
(Mogokoro Japanese Teahouse)

มีใจให้มัทฉะ คาเฟ่สไตล์ญี่ปุ่นในเชียงใหม่ ร้านนี้เป็นร้านยอดฮิตที่ใครหลายคนรู้จักกันดี ขึ้นชื่อในเรื่องของชาเขียวออริจินัลเป็นอย่างมาก ทั้งขนมและเครื่องดื่มถูกรังสรรค์ออกมาอย่างตั้งใจจากเจ้าของร้าน เมนูแนะนำของทางร้านจะเป็น Matcha Ceremonial Set เสิร์ฟพร้อมขนมวากาชิรับประทานคู่กันแล้วบอกเลยว่าฟินสุดๆ ใครชอบเสพกลิ่นอายสไตล์ญี่ปุ่นต้องมาที่นี่เลย

(ขอบคุณรูปภาพจาก Magokoro Teahouse – มีใจให้มัทฉะ)

Location: 191/1 ถนนศรีดอนไชย ต.ช้างคลาน อ.เมือง จ.เชียงใหม่
Open-Close: เปิดบริการทุกวันเวลา 10.00-18.00 น.
Phone: 094 592 6553
Facebook: Magokoro Teahouse – มีใจให้มัทฉะ

---

8.ดองกิ มอลล์ ทองหล่อ, กรุงเทพมหานคร
(DONKI Mall Thonglor)

Donki Mall Thonglor เป็นศูนย์การค้าสไตล์ญี่ปุ่นที่เป็นเหมือนคอมมูนิตี้มอลแหล่งพบปะกันของทุกรุ่นทุกวัยที่ชอบสินค้า ไลฟ์สไตล์ หรืออาหารในแบบญี่ปุ่นๆ ที่นี่รวบรวมทั้งร้านอาหารญี่ปุ่น สินค้านำเข้าต่างๆ ที่คนรักประเทศญี่ปุ่นต้องเลิฟ แถมยังจัดกิจกรรมการแสดงและการประกวดคอสเพลย์ต่างๆ ให้คนมาร่วมสนุกกันอย่างต่อเนื่อง และในช่วงนี้ทาง Donki Mall Thonglor มีมาตรการป้องกันเชื้อโรคและทำความสะอาดทุกพื้นที่อย่างเข้มงวด ใครไปเที่ยวปลอดภัยหายห่วงเดินเล่นได้อย่างสบายใจแน่นอนจ้า

(ขอบคุณรูปภาพจาก Donki Mall Thonglor)

Location: 107 ถนนเอกมัย เขตวัฒนา จ.กรุงเทพมหานคร
Open-Close: เปิดบริการทุกวันเวลา 8.00- 02.00 น.
Phone: 02 120 4167
Facebook: DONKI Mall Thonglor

---

9.น้ำพุร้อนโป่งกวาว, เชียงใหม่
(Pong Kwaw Hot Spring)

เปลี่ยนบรรยากาศมาแช่น้ำพุร้อนกันบ้างกับ น้ำพุร้อนโป่งกวาว จ.เชียงใหม่ ตั้งอยู่ อ.สะเมิง ให้ฟีลเหมือนแช่ออนเซ็นกลางธรรมชาติในญี่ปุ่นสุดๆ สำหรับบ่อน้ำพุร้อนโป่งกวาวจะมีบ่อส่วนตัวจำนวน 8 บ่อ กลางแจ้ง 3 บ่อ และบ่อรวมในร่มอีกจำนวน 2 บ่อ รวมถึงบ่อแช่เท้าด้านนอกที่สามารถลงไปแช่ได้แบบฟรีๆ ใครอยากมาพักผ่อนแช่น้ำให้ร่างกายผ่อนคลายแบบเป็นส่วนตัวแนะนำที่นี่เลย

Location: 1 ม.3 ต.สะเมิงเหนือ อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่
Open-Close: เปิดบริการทุกวันเวลา 8.00- 17.30 น.
Fee: ค่าบริการผู้ใหญ่ 80 บาท/คน, เด็ก 40 บาท/คน

---