tripgether.com

เกาะแสมสาร 2 วัน 1 คืน พายเรือ ดูปะการัง ดำน้ำใสกิ๊งแบบฟินๆ บนเกาะสุดฮิป ใกล้กรุงเทพนิดเดียว

53,935 ครั้ง
13 ก.พ. 2561

– Summer is coming-
หน้าร้อนใกล้เข้ามาแล้ว ช่วงนี้หน้านิวส์ฟีดในโซเชียลมีเดียก็เริ่มมีที่เที่ยว ที่กิน ที่พัก แถวๆ ทะเล โผล่มาเรื่อยๆ จนในที่สุด ความอยากเที่ยวเอาชนะความอยากนอนพักผ่อนช่วงสุดสัปดาห์ได้สำเร็จ ไม่รอช้า เรากับเพื่อนเร่งหาที่เที่ยวที่พักแบบทันที รอบนี้หวยมาออกที่ เกาะแสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ด้วยเหตุผลคือยังไม่เคยไปกันทั้งคู่ แถมดูจากเวลาและระยะทางเมื่อเทียบกับความคุ้มค่าของธรรมชาติสวยๆ ที่เราจะได้เจอแล้วก็ถือว่าโอเคเลยทีเดียว
 
อ้อ ก่อนจะเริ่มเดินทางไปกับเรา ขอบอกไว้ก่อนนะครับว่า ทริปนี้เราเลือกไปเกาะแสมสารกันวันที่สอง เพราะ one day trip ดูเร่งรีบไป แถมไม่อยากตื่นตี 2 ตี 3 ขับรถไปซื้อตั๋ว กลัวจะขับเร็วหรือหลับในแล้วไปเกิดอุบัติเหตุกลางทางเอา (ปลอดภัยไว้ก่อนนะครับ)

Day1 ทริปเกาะแสมสาร 2 วัน 1 คืนครั้งนี้ เราออกเดินทางจากกรุงเทพกันตอน 08:00 น. โดยใช้รถส่วนตัวในการเดินทาง ใช้ทางหลวงหมายเลข 7 ขับยาวๆ มาถึงตัวเมืองพัทยาช่วง 10:20 น. ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง นิดๆ โชคดีที่รถไม่ติดเท่าไหร่
 
ขับรถเลียบชายหาดมาได้สักพัก ก็ขึ้นมาที่อนุสาวรีย์กรมหลวงชุมพร เขตอุดมศักดิ์ ในใจกะว่ามาดูวิวทะเลแถวอ่าวพัทยาแบบสวยๆ ปรากฎว่าเมฆฝนไล่มาติดๆเลยจ้า แพลนถ่ายรูปตรงนั้นเลยต้องพับเก็บไป แต่ยังดีที่มาเจอร้านกาแฟ Coffee Break บริเวณใกล้ๆ กับถนนขึ้น-ลง อนุสาวรีย์กรมหลวงชุมพรฯ เลยแวะมาเติมความสดชื่นกันสักหน่อย
 
สั่งนมสดเย็น กับปังเย็น หวานเย็นชื่นใจ อร่อยมากๆ
 
จากร้านค้าก็มองเห็นวิวทะเลได้นะ
 
ช่วง 11:00 น. เราออกเดินทางกันต่ออีกครั้งโดยขับลงเส้นพัทยาใต้มาเรื่อยๆ เพื่อไปยังจุดหมายต่อไปของเราคือ วัดเขาชีจรรย์ ที่มีพระพุทธรูปแกะสลักบนหน้าผาหินที่ใหญ่ที่สุดในโลก ความสูงกว่า 130 เมตร ให้ได้สักการะบูชา ภาพที่ได้เห็นตอนขับรถไปถึงคือพระพุทธรูปองค์ใหญ่มาก อลังการสุดๆ นับถือคนที่ทำเลยจริงๆ ตามประวัติบอกว่าพระพุทธรูปแกะสลักถูกสร้างขึ้นเพื่อปกป้องความงามของธรรมชาติบริเวณนั้นที่ถูกระเบิดหินทำลายเข้าไปทุกวัน บริเวณรอบๆ ยังมีธรรมชาติสวยๆ ให้ได้พักผ่อนหย่อนใจในช่วงวันหยุดกันด้วย สำหรับใครที่อยากมา ที่นี่เปิดให้เขาชมได้ฟรีนักท่องเที่ยวสามารถมาได้ตั้งแต่ 06:00-18:00 น. แต่อย่าลืมแต่งกายสุภาพกันด้วยนะจ๊ะ
 
เราอยู่ในวัดกันพักใหญ่ ก่อนจะออกมาหาข้าวกินตามคำเรียกร้องของท้องที่เริ่มร้องประท้วงแล้ว ระหว่างขับรถออกมาถนนเส้นหลักก็ไปเจอร้านหนึ่งขึ้นแนะนำขึ้นมา ชื่อ Love Your trees Coffee&Eatery บรรยากาศดูน่าไปดี แถมมีอาหารคาวด้วย ว่าแล้วก็ตั้งพิกัดใน GPS แล้วขับตามไปเลย ตัวร้าน Love Your Trees จะอยู่ห่างจากวัดเขาชีจรรย์มาประมาณ 20 นาทีเท่านั้นเอง
 
ดูจากข้างนอกนึกว่าเป็นร้านเล็กๆ แต่พอเข้าไปคือกว้างขวางมากๆ สามารถหามุมโปรดแล้วนั่งทานอาหารยาวๆได้เลย ด้านหลังมีสวนเล็กๆ ให้อารมณ์สวนในบ้าน เพิ่มความร่มรื่นความสวยงามให้กับร้านไปอีกระดับ
 
เมนูภายในร้านส่วนใหญ่จะเป็นอาหารฝรั่ง ส่วนเมนูที่เราสั่งก็จะหน้าตาประมาณนี้ครับ ลาเต้กุหลาบ สลัดแซลมอนรมควัน สปาเก็ตตี้เส้นดำผักโขมชีส สตรอว์เบอร์รีสมูทตี้ รสชาติหน้าตาอาหารและเครื่องดื่มที่นี่ดูดีไม่แพ้กันเลยทีเดียว
 
จัดการปัญหาปากท้องเสร็จก็ขับรถยาวไปที่พักเลย ที่พักของเราวันนี้ชื่อ เสถียรวารี อยู่บริเวณสามแยกไปพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทยและแสมสารฟิชชิ่งพาร์ค ใครที่ไม่แน่ใจเรื่องเส้นทางกดค้นหา “เสถียรวารี” ใน Google Map ก็ได้ครับ เจอเหมือนกัน ที่พักที่จอง เราเลือกจองแบบเป็นห้องพักมีแอร์บริเวณด้านหน้าที่พัก ไม่ใช่บ้านพักริมทะเลนะครับ เพราะคนจองเต็มหมดแล้ว (แอบเสียใจเบาๆ) ที่นี่ผู้เข้าพักสามารถตกปลา ตกหมึก บริเวณปลายสะพานได้ ใครไม่มีคันเบ็ดมา ทางที่พักก็มีให้เช่าในราคาคันละ 50 บาท หรือจะเช่าเรือเร็วเล็กของที่พักไปตกปลาข้างนอกก็ได้เช่นกัน เตาปิ้งย่างส่วนกลางก็มีให้ยืมไปใช้แบบฟรีๆ ส่วนตัวผมไปถึงช้าไป ตกกลางคืนเลยได้แต่ดูพี่ๆ เขาตกปลากันอย่างขมักเขม้นแทน

หลังนั่งเล่น นอนเล่นพักเหนื่อยในห้องกันได้พักใหญ่ ช่วงเย็นๆ เลยมีแรงให้ออกไปเดินเล่นแถวชุมชนและสะพานปลาแถวๆนั้น บริเวณชุมชนมีร้านค้าร้านอาหารทั้งแบบห้องแถวและรถเข็นให้เห็นอยู่เป็นระยะๆ ไม่ต้องห่วงว่าเย็นนี้ถ้าคุณไม่ได้ทำปิ้งย่างจะไม่มีอะไรตกถึงท้อง
บรรยากาศช่วงกลางคืนบริเวณสะพานปลา
ดูพวกพี่เขาได้สักพักก็กลับที่พักนอนครับ เก็บแรงไว้ลุยต่อวันพรุ่งนี้

Day 2 ในที่สุด วันนี้ที่รอคอยก็มาถึง หลังจัดการธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อย เราตัดสินใจเดินเท้าจากที่พักไปยังจุดจองคิวซื้อตั๋วไปเกาะแสมสารพร้อมกล้องถ่ายรูปและชุดสำหรับเปลี่ยนหลังเล่นน้ำอีกชุดหนึ่ง สัมภาระที่เหลือเอาเก็บไว้ในรถ ใช้เวลาเดินเท้าประมาณ 5-10 นาที ก็ถึงแล้ว
Trip advice : เชื่อว่าหลายคนที่เคยมาที่นี่ครั้งแรกอาจจะสับสนทางเข้าไปซื้อตั๋วระหว่างไปเกาะขามกับเกาะแสมสาร จุดสังเกตง่ายๆ คือ เกาะขามตรงไป เกาะแสมสารให้เลี้ยวซ้ายที่มีป้ายพิพิธภัณฑ์
มาถึงจุดต่อคิว เราได้คิวซื้อตั๋วลำดับที่ 30,31 ขนาดเราคิดว่าเรามาเช้าแล้วนะ ยังมีคนมาเช้ากว่าเราอีก แต่ก็พอเข้าใจว่า ด้วยความที่วันหนึ่งๆ ทางเกาะรับนักท่องเที่ยวแค่ 300 คน จึงไม่น่าแปลกใจถ้าจะมีคนรีบมารักษาสิทธิ์การเที่ยวของตัวเองแต่เช้าขนาดนี้
รับบัตรคิวเสร็จไม่รู้จะไปไหนดี พระอาทิตย์ก็ยังไม่ขึ้นให้ถ่ายรูป แถมเมฆก็ยังเยอะอยู่(หวังว่าพอพระอาทิตย์ขึ้นจะบางตาลง) ร้านข้าวในบริเวณนั้นก็เปิดตอน 06:00 น. ไปสอบถามพี่ทหาร เขาเลยบอกให้ไปที่จุดจำหน่ายตั๋วไปเกาะขามสิ จรงนั้นของกินมาขายแล้วนะ ไอ้เราไม่รอช้า เดินย้อนกลับไปทันทีด้วยความหิว
บริเวณจุดจำหน่ายตั๋วไปเกาะขาม คนเยอะใช้ได้เหมือนกัน
ข้างๆมีร้านข้าว เครื่องดื่ม และของใช้เผื่อจำเป็นวางขายอยู่ ราคาข้าวราดแกงที่เรากินกันก็อยู่ที่ประมาณจานละ 50 บาท น้ำเปล่าขวดละ 10 บาท ถือว่าไม่แพงเกินไปนักสำหรับนักท่องเที่ยว ใครที่จะซื้อข้าวกลางวันไปกินบนเกาะก็สามารถซื้อได้ที่นี่เช่นกัน
กินเสร็จกลับมาเดินชิลล์ถ่ายรูปเล่นตรงสะพานเส้นทางศึกษาธรรมชาติเล็กๆ บริเวณใกล้ท่าเรือเขาหมาจอ ท่าเรือสำหรับข้ามไปเกาะ นั่งรอไปยาวๆ รอตะวันขึ้นแบบสวยๆ กับเพื่อนนักเดินทางคนอื่นอีกสองสามคนที่มาตั้งกล้องรอถ่ายเช่นกัน แต่สุดท้ายก็ได้มาเท่านี้ พี่ทหารบอกว่าช่วงนี้ลมมรสุมเข้า ฟ้าเลยไม่เปิด อยากเจอฟ้าสีครามสวยๆ คงต้องมาอีกทีอาทิตย์หน้า ฟังถึงตรงนี้ก็เสียใจกันไปตามระเบียบจ้า
ใกล้แปดโมง ประตูห้องจำหน่ายเปิดพร้อมกับเริ่มเรียกนักท่องเที่ยวให้ไปเตรียมฟังเรียกคิวซื้อตั๋ว ระหว่างรอ ด้านในห้องจำหน่ายตั๋วก็มีเก้าอี้และเซ็ตติ้งให้ความรู้เกี่ยวกับการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลไว้คอยให้บริการและให้ความรู้นักท่องเที่ยวแบบเพลินๆ
ได้ตั๋วมาแล้วจ้า ราคาใบละ 300 บาทถ้วน
หลังได้ตั๋ว ก็มารอขึ้นเรือที่ท่าเรือเขาหมาจอใกล้กับท่าเรือมีร้านกาแฟไว้ให้เติมความกระปี้กระเปร่ายามเช้าด้วย เข้าไปอุดหนุนกันได้ตามสะดวก
เรือที่จะพานักท่องเที่ยวไปเกาะแสมสารมีด้วยกันสองรอบ คือ รอบ 09:00 น. กับ 10:00 น. โดยรอบหนึ่งจะมีเรือสองลำคอยรับ-ส่งนักท่องเที่ยว ใช้เวลาเดินทางไม่ถึง 10 นาทีก็ถึงท่าเทียบเรือของเกาะ ขึ้นไปอย่าลืมใส่เสื้อชูชีพด้วยนะ
ระหว่างนั่ง ฟังที่พี่ทหารบนเรือพูดก็ได้ความรู้และสนุกไปอีกแบบ
ถึงแล้วจ้า เกาะแสมสาร พี่ทหารรอมาต้อนรับเราเต็มเลย ฮ่าฮ่า ส่วนเรื่องขึ้น-ลงเรือ ไม่ต้องห่วงนะครับ เพราะมีพี่ๆ ทหารคอยช่วยที่ท่าเทียบเรืออยู่ตลอด รับรองความปลอดภัยได้เลย
มาถึงก็ต้องมาฟังพี่วิทยาการกล่าวแนะนำและจุดท่องเที่ยวของเกาะ จุดไหนไปได้บ้าง จุดไหนห้ามไป ข้อห้ามสำหรับบนเกาะ สรุปความได้คร่าวๆ ว่า จุดที่เราสามารถไปเที่ยวพักผ่อนได้คือ
  1. บางส่วนของโครงกระดูกวาฬบลูด้า ที่ขึ้นมาเกยตื้นบนเกาะ สามารถลูกหลานไปศึกษาได้
  2. เส้นทางศึกษาธรรมชาติ แต่เดิมมี 2 เส้นทาง แต่ตอนนี้เปิดให้เดินเพียงเส้นทางเดียวเท่านั้น ใครที่อยากเดินให้ไปแจ้งเจ้าหน้าที่หลังฟังพี่วิทยากรเสร็จ
  3. หาดลูกลม หาดยอดฮิตของเกาะแสมสาร จุดท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะรวมอยู่บริเวณนี้ ไม่ว่าจะเป็นดำน้ำหรือนั่งเรือชมปะการัง พายเรือคายัค วอลเลย์บอลชายหาด จุดชมวิวด้านบนยอดเขา ฯ
  4. หาดเทียน หาดที่เราเพิ่งลงเรือมา บริเวณนี้จะมีคลื่นลมเล็กน้อย มีต้นไม้ใหญ่คอยบังแดดให้ตลอดแนวหาด โดยหาดนี้จะมีห้องน้ำสำหรับอาบล้างตัวให้บริการอยู่ด้วย

โดยทุกหาดจะมีจุดบริการซึ่งล็อคเกอร์สำหรับเก็บของไว้ให้บริการด้วย ใครจะซื้อน้ำหรือขนมก็สามารถซื้อได้ที่นี่เช่นกันส่วนเวลาเรือสำหรับเดินทางกลับจะมีด้วยกันทั้งหมด 4 รอบ รอบเวลา 13:30 น. 15:00 น. 16:00 น. และรอบ 16:30 น. เป็นรอบสุดท้าย สำหรับใครที่ต้องการเดินทางกลับก่อนเวลาที่กำหนด ให้มาติดต่อที่เจ้าหน้าที่บริเวณท่าเรือหาดเทียนครับ

ฟังบรรยายเสร็จปุ๊บก็คงไม่ต้องถามนะครับว่าพวกเราจะไปกันที่ไหนก่อน หาดลูกลมนั่นล่ะครับ การที่จะไปหาดลูกลมได้ ต้องมาต่อคิวรอขึ้นรถรับ-ส่งประจำเส้นทางบริเวณใกล้ๆ กับจุดฟังบรรยาย โดยใช้เวลารับ-ส่ง รอบหนึ่งประมาณ 5-8 นาที
ถึงแล้วจ้า หาดลูกลม
จุดนี้เป็นจุดจองคิวสำหรับบริการต่างๆ อย่าง คิวดำน้ำ ขึ้นเรือ เสื่อ เก้าอี้ชายหาด ล็อคเกอร์ หน้ากากดำน้ำ ฯ เราเสียค่าขึ้นเรือและดำน้ำไปกิจกรรมละ 20 และ 50 บาท/คน ตามลำดับ
ระหว่างรอเรียกคิวก็ไปเดินเล่นถ่ายรูปชิลล์ๆ เรียบชายหาดไปก่อน บอกเลยว่าน้ำใสกิ๊งๆ
ถึงคิวนั่งเรือชมปะการังแล้วครับ รอบนึงรับได้ประมาณ 15 คน ใช้เวลา 20-25 นาที/รอบ อ้อ ลืมบอกว่า ก่อนขึ้นให้ใส่เสื้อชูชีพสีเขียวก่อนนะครับ ส่วนเสื้อชูชีพสีส้มสำหรับคนที่ไปดำน้ำ ว่าแล้วก็ขึ้นเรือไปกันเลย ในรูปอาจจะเห็นปะการังไม่ชัดนะครับ แต่บอกเลยว่าของจริงสวยมากๆ แม้จะมีลมมรสุมเข้าทำให้น้ำขุ่นนิดหน่อยก็ตาม หลังจากนั้นก็จะพาเราไปนั่งเรือชมเกาะปลาหมึกและถ้ำรูปหัวใจเล็กน้อยก่อนจะวนกลับ 
พอถึงคิวดำน้ำ ช่วงนี้ พี่ทหารจะพามาแนะนำวิธีการดำน้ำด้วยสน็อกเกิ้ลหรือหน้ากากดำน้ำตื้นพร้อมวิธีลอยตัวที่หน้าหาดก่อน ก่อนจะพาขึ้นเรือไปยังจุดดำน้ำ แล้วรอลำดับการลงจากเจ้าหน้าที่ โดยนอกจากปะการังและปลาทะเลขนาดเล็กแล้ว ไฮไลท์ของจุดดำน้ำตื้นคือบริเวณที่มีทุ่นสีน้ำเงินลอยอยู่ จุดนั้นจะมีปลาการ์ตูน หรือที่เราเรียกกันติดปากว่าปลานีโม่อาศัยอยู่ อันนี้พี่ทหารเน้นย้ำมาว่า หลังลงจากเรือในแต่ละกิจกรรม อย่าลืมเอาเสื้อชูชีพไปคืนที่จุดคืนเสื้อชูชีพแต่ละสีด้วยนะครับ
หลังกลับจากทริปดำน้ำ นาฬิกาก็บอกเวลาเกือบเที่ยงแล้ว ช่วงที่กำลังเดินเล่นริมหาดกันอยู่นั้น สายตาก็พาไปเจอกับซุ้มอาหารใกล้กับที่แขวนเสื้อชูชีพพอดิบพอดี ไม่รอช้าครับ เรารีบเข้าไปจับจองที่นั่งพักเหนื่อยกันอย่างรวดเร็วประหนึ่งเล่นเก้าอี้ดนตรีอย่างไงอย่างงั้น ภายในซุ้มอาหารมีร้านค้าประมาณ 3-4 ร้าน โดยต้องใช้คูปองที่จำหน่ายด้านหน้าในการซื้อเท่านั้น อาหารที่ขายก็จะมีพวก ส้มตำ ไก่ทอด ลูกชิ้นทอด น้ำหวานต่างๆ ที่นั่งก็มีรองรับอยู่พอสมควร แต่ส่วนตัวผมแนะนำให้ซื้อข้าวจากแถวจุดจำหน่ายตั่วมาด้วยดีกว่า เพราะบางทีของหมด อาจเสียเวลาในการรอวัตถุดิบมาส่ง
พักดื่มน้ำเสร็จผมวางแผนว่าจะไปพายเรือและเดินเส้นทางศึกษาธรรมชาติต่อ แต่ด้วยหน้าที่การงานที่ถูกตามตัวอย่างกระทันหัน ต้องไปเตรียมงานเข้าประชุมที่บริษัทในเช้าวันรุ่งขึ้น เลยจำเป็นต้องยกเลิกกิจกรรมอื่นไปแบบเสียดายสุดๆ พร้อมกับนั่งรถบริการกลับไปที่ท่าเรือ ล้างตัว เปลี่ยนเสื้อผ้า รอเรือโดยสารพากลับ
พอกลับมาถึงท่าเรือเขาหมาจอ ก็จัดไอติมโบราณมาเติมความหวานให้หายเหนื่อยตรงจุดจอดกันซักแท่ง ก่อนเตรียมตัวเดินทางกลับกรุงเทพ ใครที่ไม่อยากเดินกลับหรือต้องการไปที่สถานีขนส่ง ด้านหน้าร้านกาแฟริมหาดก็มีรถสองแถวมาคอยรับ-ส่ง หมุนเวียนมาอยู่เรื่อยๆ นะครับ สามารถใช้บริการได้
Trip advice : หากสังเกตดีๆ จะเห็นว่ายังมีหางตั๋วเหลืออีกครึ่งหนึ่ง ส่วนนี้ใช้สำหรับเข้าพิพิธภัณฑ์ทางทะเลที่ตั้งอยู่ใกล้กับจุดจำหน่ายตั๋ว ใครที่มีเวลาเหลือหลังกลับมาจากเกาะสามารถแวะเข้าไปได้นะครับ
ขับรถออกจากที่พักมาได้สักพัก ปฏิบัติการตามหาร้านอาหารก็เริ่มขึ้น เลือกกันอยู่สักพักจนมาจบที่ร้าน ริมผา ลาภิน ร้านอาหารเรือนไม้ริมหน้าผาที่มองออกไปเห็นวิวทะเลใกล้กับหาดบ้านอำเภอ ที่นี่มีอาหารไทย ฝรั่ง และซีฟู้ด ที่รับประกันความสดใหม่ให้ได้ลิ้มลองกัน วิวสวยๆ อาหารอร่อยๆ คือกำไรของชีวิตคนชอบเที่ยวแบบผมเลยครับ ฮ่าฮ่า
หลังทานเสร็จ ผมอยู่รอดูช่วงเย็นๆ สักหน่อยเผื่อมีดวงเห็นพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า แต่ก็โดนเมฆบังอยู่ดีเลยเก็บมุมนี้มาแทน เฮ้อ ยอมขับรถกลับแต่แรกก็ดีแล้วเรา
จบแล้วครับ ทริปแสมสารของผม ขอบคุณที่ตามอ่านกันจนมาถึงบรรทัดนี้นะครับ อาจมีบางจุดที่ตกหล่นในเรื่องข้อมูลไปบ้าง แต่ถ้าสนใจจะตามรอยก็สามารถทักเข้ามาสอบถามได้นะครับ ขอบคุณครับ
ปล. ใครไปเกาะแสมสารแล้วฟ้าเปิดสวยๆ ไม่มีเมฆแล้วถ่ายรูปมาอวดกันมั่งน้าา เผื่อจะได้หาข้ออ้างให้ตัวเองออกไปเที่ยวอีก 😉

ผู้เขียน

admin tripgether
สัญญาว่าจะเที่ยวให้ดีที่สุด!!

เรื่องที่คุณอาจสนใจ