เกาะเสม็ด 3 วัน 2 คืน ไม่ได้หนีร้อน ไม่ได้หนีรัก แค่อยากไปพักเบบเด็ดๆ ที่เสม็ดให้หายเหนื่อย!!
32,981 ครั้ง
9 เม.ย. 2561
32,981 ครั้ง
9 เม.ย. 2561
พอเข้าหน้าร้อนใครๆ ก็คิดถึงทะเล วันหยุดที่ผ่านมาเลยจัดเบาๆ ที่เกาะเสม็ด
กับทริป 3 วัน 2 คืน เน้นรับพลังงานดีๆ แบบโนแอลกอฮอร์ดูสักทริป เพื่อรีชาร์ตร่างกายจากการทำงานเหนื่อย
Day 1: เราออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ในช่วงเช้า ซึ่งจากกรุงเทพฯ จะใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงนิดๆ ก็ถึงระยองแล้วค่ะ สำหรับการเดินทางข้ามไปยังเกาะเสม็ดนั้นมีเรือเฟอรี่ให้บริการหลายเจ้าทีเดียว ราคาก็ไม่ต่างกัน แต่ที่ต่างกันอาจจะเป็นค่าที่จอดรถ ซึ่งในครั้งนี้เราเลือกใช้บริการของเรือนวลทิพย์ ค่าเรือไป-กลับคนละ 50 บาท ค่าฝากรถวันละ 100 บาท
หลังจากได้ตั๋วเรือมาเรียบรอยแล้ว ก็เตรียมมุ่งหน้าสู่เกาะเสม็ดกันเลย ซึ่งจากท่าเรือบ้านเพจะใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 40-45 นาที เรือจะเข้าเทียบท่าที่ท่าหน้าด่าน ซึ่งก่อนเรือจะถึงฝั่งเราจะมองเห็นรูปปั้นนางผีเสือสมุทรแต่ไกล
และนักท่องเที่ยวที่เดินผ่านท่าเรือนี้จะต้องเสียค่าธรรมเนียมใช้สะพานคนละ 20 บาทด้วย
ใครที่วางแผนอยากเที่ยวรอบเกาะแนะนำให้หาเช่ามอเตอร์ไซต์ที่บริเวณท่าเรือได้เลย ราคาวันละ 300 บาท แถมน้ำมันให้ 1 ขวดน้ำอัดลม หากไม่ซิ่งมากก็สามารถใช้ได้เหลือๆ เลยค่ะ ได้มอเตอร์ไซต์มาเรียบร้อยแล้วเราก็มุ่งหน้าไปยังที่พักของเราในคืนนี้กันที่อ่าววงเดือน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งย่านที่คนไทยนิยมมาพักผ่อน เพราะบริเวณย่านนี้มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย และยังมีที่พักให้เลือกหลายแบบหลายราคาอีกด้วย
สำหรับคืนนี้เราเลือกเช็คอินกันที่ “เสม็ดคาบาน่า รีสอร์ท” ที่พักสไตล์บูติก ตั้งอยู่ชิดติดทะเล แค่ก้าวขาออกจากบ้านก็ถึงทะเลแล้ว สำหรับภายในห้องพักก็มีแอร์ ทีวี น้ำดื่ม ผ้าขนหนู และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ที่จำเป็นต่อชีวิตประจำอย่างพร้อมสรรพ
และอย่างที่เกริ่นตั้งแต่แรกว่าทริปนี้เราขอมาเที่ยวพักผ่อนชิลล์ๆ สูดกลิ่นทะเลหอมๆ แล้วนอนกลิ้งบนเตียงนุ่มๆ พอแดดร่มลมตกก็ค่อยเดินเล่นชมวิวเพลินๆ และแวะหาร้านอร่อยๆ กินสักหน่อย
Day2: วันนี้เรามีแพลนจะย้ายที่นอนเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ แต่ก่อนจะถึงเวลาเช็คอินช่วงบ่ายสอง เราได้ฝากกระเป๋าไว้ที่รีสอร์ท แล้วก็ขับรถเที่ยวชมหาดอื่นๆ บนเกาะ
เปลไกวริมทะเลที่อ่าวปะการัง
ได้เวลาเช็คอินก็เข้าพักกันที่ “หมู่บ้านทะเล รีสอร์ท” ซึ่งตั้งอยู่แถมอ่าวน้อยหน่า บรรยากาศย่านนี้จะค่อนข้างเงียบสงบ ให้ความรู้สึกส่วนตัวมากกว่า นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็จะเป็นต่างชาติ
เข้ามาภายในพื้นที่รีสอร์ทแวดล้อมไปด้วยต้นไม้ร่มรื่นทีเดียว ส่วนบ้านพักของเราในคืนนี้ก็ติดริมหาดอีกเช่นเคย ส่วนห้องพักก็หรูหราตกแต่งในสไตล์บูติกเก๋ๆ มีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างมากมายทีเดียว
พื้นที่ส่วนกลางของที่พักมีสระว่ายน้ำกลางแจ้ง มีนวดไทย มีบาร์น้ำ และที่สำคัญโซนนี้เหมาะใส่บิกินี่นอนอาบแดดมากๆ เพราะด้วยความที่คนไม่พลุกพล่าน
และในช่วงเย็นทางรีสอร์ทยังมีร้านอาหารริมทะเล บรรยากาศโรแมนติกสุดๆ เหมาะจะชวนแฟนมาสวีทมากๆ หรือถ้าใครมากับเพื่อนก็ชวนกันมาฟินไปกับบรรยากาศดินเนอร์ได้เช่นกัน…
หลังจากอิ่มอร่อยกับเมนูอาหารเย็น เราเดินย่อยริมทะเลกันสักหน่อย แลกเปลี่ยนเรื่องราวในชีวิตกันพอหอมปากหอมคอ ก่อนที่จะเข้าห้องพักผ่อน เพื่อเตรียมเดินทางกลับกรุงเทพฯ กันในวันพรุ่งนี้
Day: 3 วันนี้ได้นอนตื่นสายอีกหนึ่งวัน แถมตื่นปุ๊บได้ยินเสียงทะเลฟินๆ ปั๊บ สำหรับแพลนวันนี้ เราตื่นมารับประทานอาหารของโรงแรม ก่อนที่จะเตรียมอาบน้ำแต่งตัวและเช็คเอ้าท์กันในช่วงสายๆ
การเดินทางกลับก็เหมือนเดิม กลับมาที่ท่าเรือหน้าด่าน เตรียมขึ้นเรือนวลทิพย์ ซึ่งจะมาทุก 15 นาที หากมาถึงท่าเรือแล้วก็เดินทางเข้าที่ด้านในแล้วโชว์ตั๋วเรือ แล้วเตรียมตัวออกเดินทางกลับเข้าฝั่งกันเลย
แต่ก่อนที่จะกลับกรุงเทพฯ ขอแวะไปเที่ยวอีกจุดอันซีนของระยอง ที่ปากน้ำปะแส-ทุ่งโปร่งทองกันก่อน การเดินทางมายังทุ่งโปร่งทองให้ใช้ Google Map นำทางมาได้โลด เมื่อมาถึงให้นำรถมาจอดได้ที่จอดรถด้านใน จะใกล้กับทางเข้าทุ่งโปร่งทองที่สุด แต่จะเสียค่าจอดรถคันละ 20 บาท และจะมีรถสามล้อชาวบ้านนำไปส่งที่ปากทางเข้าเส้นทางศึกษาธรรมชาติทุ่งโปร่งทอง ค่ารถคนละ 5 บาท
บรรยากาศภายในทุ่งโปร่งทองช่วงกลางวันก็จะร้อนๆ หน่อย แต่ถ้าเดินเข้าไปเรื่อยๆ จะมีร่มไม้ให้ร่มเงาตลอดทาง อีกทั้งยังได้ชมความสมบูรณ์ขอบป่าชายเลนอีกด้วย
หรือถ้าใครอยากนั่งเรือชมป่าโกงกางก็มีให้บริการคนละ 50 บาท ใช้เวลาประมาณ 30 นาที
สำหรับทริปเกาะเสม็ด เป็นอีกหนึ่งทริปที่เหมาะสำหรับคนที่อยากมาพักผ่อน ชาร์ตแบตให้ร่างกายจากการทำงานหนัก หรือถ้าใครมาแล้วอยากทำกิจกรรมที่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งจุดดำน้ำตื้นที่ท้องทะเลยังอุดมสมบูรณ์ และที่สำคัญการเดินทางมาเที่ยวเกาะเสม็ดมันเด็ดจริงๆ