One Day Trip สระบุรี เปิดวาร์ปน้ำตกฮิต พาเช็คอินคาเฟ่ฟีลเมืองนอก!
6,565 ครั้ง
13 มิ.ย. 2566
6,565 ครั้ง
13 มิ.ย. 2566
วันหยุดทีไร ใจก็อยากออกไปเที่ยวเติมความฉ่ำให้ร่างกายกันตลอด แต่พักผ่อนทั้งที หลายๆ คนคงไม่อยากจะเดินทางไกลและเสียค่าใช้จ่ายเยอะ งั้นทริปเก็ทเตอร์ขอแนะนำให้ลองไปเช็คอินกันดูที่ สระบุรี จังหวัดใกล้กรุงเทพฯ เดินทางไม่ไกล มีทั้งโลเคชั่นธรรมชาติฟินๆ ไม่ว่าจะเป็นอุทยาน น้ำตกสวยๆ แถมยังมีคาเฟ่สวยๆ ให้ได้ไปเช็คอินอีกเพียบ และวันนี้เราก็วางแพลนทริปไว้แล้วกับ One Day Trip สระบุรี เปิดวาร์ปน้ำตกฮิต พาเช็คอินคาเฟ่ฟีลเมืองนอก! เราจะพาไปที่ไหนบ้างและแต่ละที่จะดีแค่ไหน ตามไปเที่ยวกันเลย!
ทริปนี้เราเริ่มเดินทางออกจากรุงเทพฯ กันในช่วงสายๆ ใช้เวลาเดินทางราวๆ 2 ชั่วโมงนิดๆ ก็ถึงสระบุรีแล้ว และแน่นอนว่ามาถึงเมืองที่ขึ้นชื่อในเรื่องของน้ำตกทั้งที จะพลาดไปเช็คอินเก็บความชุ่มฉ่ำได้ยังไง ซึ่งเราจะไปเช็คอินน้ำตกที่กำลังมาแรงแบบสุดๆ นั่นก็คือ น้ำตกดงพญาเย็น ตั้งอยู่ในเขต อ.มวกเหล็ก และอยู่ในเส้นทางเดียวกันกับอุทยานแห่งชาติน้ำตกเจ็ดสาวน้อย เป็นน้ำตกที่มีลำธารเป็นสายเดียวกับน้ำตกเจ็ดสาวน้อยและน้ำตกอื่นๆ ตลอดทั้งเส้นทาง
เมื่อมาถึงแล้ว เราก็สามารถจอดรถไว้ที่ลานจอดรถของน้ำตกได้เลย ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีที่จอดรถ เพราะลานจอดรถของที่นี่กว้างมากๆ ลงจากรถปุ๊บก็ได้ยินสียงน้ำไหลดังมากๆ และเดินจากลานจอดรถแค่นิดเดียวก็ถึงริมน้ำตกแล้ว
น้ำตกดงพญาเย็นจะเป็นน้ำตกหินปูนขนาดเล็ก ไม่สูง และจะมีอยู่ชั้นเดียว แต่ในบริเวณชั้นบนของน้ำตกจะมีแอ่งน้ำลดหลั่นกันอยู่ 3 – 4 แอ่งกันเลยทีเดียว
ในพื้นที่ของน้ำตกจะมีร้านอาหารอยู่เพียง 2 ร้านเท่านั้น โดยในทริปนี้เราเลือกร้าน น้ำตกดงพญาเย็น (สวนป่าเขาน้อย) ซึ่งเป็นร้านที่อยู่น้ำตกชั้นล่าง
โซนที่นั่งของทางร้านจะเป็นที่นั่งที่มีทั้งแบบเป็นซุ้มที่สามารถลงเล่นน้ำหรือจะอาเท้าจุ่มน้ำได้แบบสบายๆ และที่นั่งใต้ร่มไม้ที่กระจายกันอยู่ทั่วริม 2 ฝั่งน้ำตก ซึ่งจะมีสะพานไม้เล็กๆ ทอดยาวข้ามไปอีกฝั่ง
อีกหนึ่งมุมไฮไลท์ของทางร้านก็คือที่นั่งติดน้ำตก ซึ่งจะอยู่ติดกับช่วงที่น้ำไหลจากชั้นบนลงมาชั้นล่างเลย บอกเลยว่าเราโชคดีมากๆ เพราะตอนที่ไปถึงมุมนี้ว่างพอดี ที่นั่งมุมที่เราเลือกนอกจากจะใกล้ชิดและได้ไอเย็นจากน้ำตกแบบสุดๆ แล้ว ยังมีบันไดไม้เล็กๆ ให้ลงไปเล่นน้ำได้แบบสบายๆ
ได้ที่นั่งแล้ว ก็มาจัดเต็มมื้อกลางวันกันต่อ โดยเมนูของที่ร้านจะเน้นเป็นอาหารไทย บอกเลยว่าเมนูมีเยอะมากๆ แถมแต่ละเมนูก็น่ากินสุดๆ ซึ่งเมนูที่เราเลือกจะเป็น ปลาทอดราดน้ำตก ที่มีปลาทอดไซส์ใหญ่ เนื้อแน่น ราดด้วยซอสน้ำตกแบบอีสาน จัดจ้านสุดๆ ราคาอยู่ที่ 280 บาท
เมนูผัดฉ่าปลาคัง ทางร้านก็ให้เนื้อปลามาเยอะสุดๆ แถมยังมีเครื่องสมุนไพรสุดจัดจ้านถึงเครื่อง ราคาเพียง 180 บาท
มาต่อกันกับเมนูไก่ทอดตะไคร้ ไก่ชิ้นใหญ่ๆ ให้แบบจุกๆ หอมกลิ่นตะไคร้ และโรยด้วยตะไคร้ซอยทอดแบบนุ่มๆ อร่อยมากๆ ราคาจานละ 150 บาท
นอกจากเมนูแบบผัดและทอด แล้ว ยังมีเมนูต้มแซ่บกระดูกอ่อนร้อนๆ น้ำซุปหอมๆ ถึงเครื่อง กระดูกอ่อนๆ กรุบๆ กินกับข้าวสวยร้อนๆ บอกเลยว่าฟิน ราคาอยู่ที่ 180 บาท
มื้อนี้บอกเลยว่ามีความสุขมาก เพราะนอกจากจะอาหารอร่อยแล้ว แถมยังได้นั่งกินท่ามกลางธรรมชาติ มีเสียงน้ำตกให้ฟังคลอๆ นั่งได้แบบยาวๆ บางคนถึงกับนอนพักกลางวันกันริมน้ำตกเลยทีเดียว
เติมพลังกันเรียบร้อย ก็ได้เวลาลงเล่นน้ำกันแล้วในลำธารน้ำตกจะมีพื้นที่สำหรับเล่นน้ำโดยเฉพาะ ซึ่งเล่นได้เกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นชั้นบนที่เป็นบริเวณน้ำตื้น ที่มีหลายแอ่งที่ไล่ระดับความลึกต่างกันตั้งแต่ระดับขาไปจนถึงระดับท้อง เหมาะสำหรับเด็กๆ และคนที่อยากนั่งแช่น้ำสบายๆ
อีกส่วนคือน้ำตกชั้นล่าง โดยชั้นนี้น้ำจะค่อนข้างลึกกว่าชั้นบน แต่ก็ชิลล์ได้เหมือนกัน แถมชั้นนี้ยังเหมาะกับการนั่งบนห่วงยางสบายๆ หรือจะกระโดดน้ำ โหนเชือกก็ได้ฟีลสนุกไปอีกแบบ โดยทางร้านจะมีเสื้อชูชีพไว้ให้บริการและห่วงยางให้เช่าด้วย
มีมุมถ่ายรูปสวยๆ อย่างชิงช้าที่มีฉากหลังเป็นน้ำตกให้ได้นั่งโพสท่าด้วย ฟีลดีสุดๆ
บอกเลยว่าน้ำในธารน้ำตกเย็นสะใจมาก แถมเวลาแสงแดดส่อง น้ำยังมองเป็นสีมรกตสวยฉ่ำ ได้นั่งแช่น้ำหรือนอนพักฟังเสียงน้ำไม่นานก็คลายร้อนได้แบบเต็มร้อย และถ้าเล่นน้ำเสร็จแล้ว ทางร้านอาหารยังมีห้องน้ำและห้องอาบน้ำบริการอีกด้วย สะดวกสบายสุดๆ
หลังจากใช้เวลาเติมความฉ่ำให้ร่างกายกันแล้ว เราก็มาต่อกันที่ Cafe Laura Bar & Restaurant สาขา 2 อ.หนองแค จ.สระบุรี ซึ่งใช้เวลาเดินทางจากน้ำตกดงพญาเย็นประมาณ 1 ชั่วโมง การเดินทางก็ง่ายสุดๆ เพราะขับตามถนนสายมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมาเรื่อยๆ ได้เลย พอมาถึงตัวร้าน ก็ต้องร้องว้าว! เหมือนได้มาอยู่ที่กรุงโรม อิตาลียังไงอย่างงั้น เพราะตัวร้านได้จำลองความสวยงามของสิ่งมหัศจรรย์ของโลกอย่างโคลอสเซียม มาไว้ที่สระบุรีเรียบร้อย บอกเลยว่าอลังการแบบสุดๆ
ตัวร้านตั้งอยู่กลางทุ่งโล่งที่มีลมพัดสบายๆ มาพร้อมกับโซนพื้นที่ที่มีเสน่ห์และความสวยงามแตกต่างกันออกไปถึง 3 โซนกันเลยทีเดียว โดยส่วนแรกจะเป็นโซนโคลอสเซียม ที่เป็นตัวอาคาร 3 ชั้น ซึ่งชั้นแรกจะเป็นที่นั่งแบบอินดอร์ในห้องแอร์สุดฉ่ำ ตกแต่งสไตล์ยุโรปคลาสสิก มีทั้งภาพวาดสวยๆ ตุ๊กตาและของประดับสุดน่ารัก ฟีลดีมากๆ
ในส่วนของชั้นที่ 2 จะเป็นที่นั่งแบบโอเพ่นที่สามารถชมวิวทุ่งหญ้าและท้องฟ้าตอนพระอาทิตย์ตกได้แบบชัดเจนผ่านมุมส่วนโค้งของซุ้มหน้าต่าง แอบกระซิบว่าเราเลือกนั่งที่โซนไฮไลท์ นั่นก็คือ ชั้น 2 ฝั่งตะวันตก ซึ่งเป็นมุมที่สามารถมองขอบฟ้าและวานิลลาสกายได้แบบพาโนราม่า
วิวอีกด้านก็จะเป็นส่วนโค้งของโคลอสเซียมพร้อมกับซุ้มโค้งที่ประดับไฟสวยๆ บรรยากาศแบบเหมือนนั่งดินเนอร์อยู่ที่ต่างประเทศมากๆ
แถมด้านข้างของแต่ละโต๊ะยังมีเปลตาข่ายยื่นออกไป ให้ได้นั่งชิลล์ๆ รับลม ชมวิวกันแบบยาวๆ อีกด้วย
นอกจากที่นั่งด้านในโคลอสเซียมแล้ว ชั้น 2 ยังมีที่นั่งแบบเอาท์ดอร์ด้านนอกสำหรับคนที่อยากนั่งรับลมเย็นๆ และเห็นวิวสวนด้านล่างให้เลือกอีกด้วย
เดินขึ้นบันไดมาที่ชั้น 3 จะเป็นที่นั่งแบบโดมที่ประดับด้วยไฟหลากสีสัน ตัดกับท้องฟ้าได้แบบลงตัว ถ้าใครอยากถ่ายรูปคู่กับฟ้าใสๆ มีพร็อพน่ารักๆ ขอแนะนำชั้นนี้เลย
มาต่อกันกับโซนที่ 2 เป็นพื้นที่สวนที่ตกแต่งด้วยสไตล์โพรวองซ์ ซึ่งเป็นแคว้นในฝรั่งเศสที่มีความสวยงามและเต็มไปด้วยดอกไม้นานาชนิด โดยโซนนี้จะอยู่ตรงกลางพื้นที่ของโคลอสเซียม เป็นโซนที่สายคอนเทนต์จะต้องชอบอย่างแน่นอน เพราะนอกจากจะมีต้นไม้ดอกไม้สวยๆ แล้ว ยังมีน้ำพุและมุมกำแพงของโคลอสเซียมที่มีต้นไม้ปกคลุมให้ได้ใช้เป็นมุมถ่ายรูปฟีลยุโรปอีกด้วย
เดินเล่นเรื่อยๆ ผ่านสวนมาจนถึงด้านหลังของโคลอสเซียม เป็นที่พื้นที่ของโซนที่ 3 นั่นก็คือเรือนกระจกสีขาวสไตล์อังกฤษที่ตั้งอยู่ริมน้ำ ภายในเรือนกระจกเป็นโต๊ะยาว ด้านบนเพดานตกแต่งด้วยร่มหลากสี ถ่ายรูปสวยสุดๆ ฟีลเหมือนอยู่ในโลกนิยายมาก
ด้านนอกรอบๆ เรือนกระจกยังเป็นสวนเล็กๆ สไตล์อังกฤษให้ได้เดินเล่น ถ่ายรูปกับดอกหญ้าและดอกไม้สวยๆ อีกด้วย
นอกจากตัวร้านที่ทั้งสวยและโดดเด่นแล้ว ยังมีกิจกรรมสนุกๆ อย่างปั่นเรือเป็ดในสระน้ำให้ทำกันแบบเพลินๆ มีค่าบริการลำละ 50 บาทเท่านั้น หรือจะเดินขึ้นบันไดสวรรค์หลากสีแล้วถ่ายรูปเก๋ๆ ก็ดีไม่แพ้กัน
เดินเล่นหามุมถ่ายรูป ชมสวนกันไปแล้ว เราก็ขึ้นมานั่งพร้อมสั่งอาหารมากินท่ามกลางบรรยากาศในช่วงเย็นแบบสบายๆ กันต่อ โดยเมนูของทางร้านจะเน้นเป็นเมนูอาหารสไตล์ยุโรปและอาหารไทย เมนูที่เราสั่งมาเมนูแรกคือ สเต็กเนื้อริบอาย เนื้อชิ้นใหญ่ที่ทั้งนุ่มและชุ่มฉ่ำ เสิร์ฟคู่กับซอสและมันบด ราคาอยู่ที่ 420 บาท
สเต็กปลาแซลมอนฟิลเล่ เมนูที่อร่อยและคุณภาพเยี่ยมอีกหนึ่งเมนู เนื้อปลาชิ้นโตที่ผ่านการแล่เอาก้างออกจนหมด กินได้ทั้งส่วนของเนื้อและหนัง เสิร์ฟคู่กับครีมซอส เลม่อน และมันบด กินพร้อมกันฟินมากๆ ราคาเพียง 480 บาท
พิซซ่าหน้าฮาวายเอี้ยน ที่ต้องบอกเลยว่านอกจากแป้งจะนุ่มแล้ว ชีสยังยืดสะใจอีกด้วย ทั้งถาดราคาอยู่ที่ 329 บาท
เมนูอาหารจานหลักอีกหนึ่งอย่างสลับมาเป็นอาหารไทย นั่นก็คือ ยำวุ้นเส้นโบราณ วุ้นเส้นคลุกเคล้ากับน้ำยำ ใส่กุ้งแห้ง หมูสับ หอมแดง และถั่ว ทั้งหอมและครบเครื่องแบบกำลังดี ราคา 250 บาท
มาต่อกันกับเมนูของหวานที่มาแล้วต้องห้ามพลาดเลยก็คือ ฮันนี่โทสต์ไอศกรีม โทสต์หอมๆ ราดด้วยน้ำผึ้ง เสิร์ฟคู่กับไอศกรีมบลูเบอร์รี่โยเกิร์ตและผลไม้รวมหลากหลายชนิด อร่อยกลมกล่อม รสชาติความหวานกำลังดีของโทสต์และน้ำผึ้งตัดกันกับความเปรี้ยวหวานของผลไม้ได้แบบลงตัวสุดๆ ราคาอยู่ที่ 249 บาทเท่านั้น
ชีสเค้กนมชมพู ที่เนื้อเค้กมีสัมผัส นุ่ม ละมุนลิ้น หอมหวานกำลังดี จัดเต็มรสชาติของนมชมพูได้แบบชัดเจน พร้อมกับผลไม้หลากหลายชนิด ราคาอยู่ที่ 119 บาท
นอกจากเมนูขนมแล้ว ยังมีเครื่องดื่มฉ่ำๆ ให้สั่งกันด้วย อย่าง เมนูอิตาเลียนโซดา ที่มีทั้งเมนูเลม่อนน้ำผึ้งและพีช ทั้งหอมทั้งสดชื่น ราคาแก้วละ 89 บาททั้งคู่เลย และยังมีเมนูเอาใจคอกาแฟอย่าง อเมริกาโนน้ำส้ม ช็อตกาแฟเข้มๆ ผสมกับความเปรี้ยวหวานของน้ำส้มได้อย่างลงตัว แก้วละ 115 บาท
อิ่มท้องแล้ว ฟ้าก็เริ่มมืดพอดี เราเลยออกมาเดินเล่นชมบรรยากาศต่อก่อนกลับ ต้องบอกเลยว่าตอนกลางคืนแสงไฟและตัวร้านสวยมากๆ เหมือนกับภาพวาดแบบสุดๆ ถือเป็นโลเคชั่นปิดทริปที่ประทับใจเป็นที่สุด
ทั้งหมดนี้ก็คือ One Day Trip สระบุรี เปิดวาร์ปน้ำตกฮิต พาเช็คอินคาเฟ่ฟีลเมืองนอก! ที่เต็มอิ่มการพักผ่อนสบายๆ ได้ชาร์จพลัง เติมความชุ่มฉ่ำสดชื่นของธรรมชาติและภาพวิวสวยๆ เหมือนอยู่ยุโรปมาแบบเต็มร้อย วันหยุดเสาร์อาทิตย์ หรือวันหยุดพิเศษ ใครที่กำลังวางแพลนอยากไปเที่ยวสบายๆ พาครอบครัวไปพักผ่อนไม่ไกลบ้าน พาลูกๆ ไปเล่นน้ำสนุกๆ แถมเดินทางไม่ไกล ค่าใช้จ่ายไม่เยอะ ต้องเก็บสระบุรีไว้ในลิสต์เลย!
สรุปค่าใช้จ่าย One Day Trip สระบุรี เปิดวาร์ปน้ำตกฮิต พาเช็คอินคาเฟ่ฟีลเมืองนอก!
– ค่าอาหารร้านน้ำตกดงพญาเย็น (สวนป่าเขาน้อย) ราคา 790 บาท (หาร 2 ตกคนละ 395 บาท)
– ค่าอาหารและเครื่องดื่ม Cafe Laura Bar & Restaurant สาขา 2 ราคา 2,051 บาท (หาร 2 ตกคนละ 1,026 บาท)
รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดตลอดทริปอยู่ที่ประมาณคนละ 1,421 บาท
** ไม่รวมค่าน้ำมันรถและค่าของฝากอื่นๆ**
เป็นอย่างไรกันบ้างกับ One Day Trip สระบุรี เปิดวาร์ปน้ำตกฮิต พาเช็คอินคาเฟ่ฟีลเมืองนอก! บอกเลยว่าสายธรรมชาติและสายคอนเทนต์ต้องไปลองใช้เวลาพักผ่อนให้ได้เลย ไหนๆ ก็มาสระบุรีแล้ว เรามี 7 ที่เที่ยวสระบุรี – ลพบุรี จุดเช็คอินสวยของสายคอนเทนต์ ไปแล้วได้รูปปัง! และ 5 ที่พักพูลวิลล่าสระบุรี เล่นน้ำนอนชิลล์ท่ามกลางธรรมชาติ มาฝากกันด้วย