One Day Trip เที่ยวนครปฐม นั่งรถไฟฟีดเดอร์ไหว้องค์พระฯ งบคนละไม่ถึง 500
26,613 ครั้ง
8 พ.ย. 2565
26,613 ครั้ง
8 พ.ย. 2565
ไปเที่ยวนครปฐมกัน รับรองว่าไปคราวนี้ทั้งสะดวกสบาย เดินทางง่าย แถมยังชิลล์ด้วย ต่อให้ไม่ได้ขับรถไปเองก็เถอะ เพราะเราจะนั่งรถไฟฟีดเดอร์ไปกัน! เดินเที่ยวงานองค์พระปฐมเจดีย์ งานประจำปีสุดยิ่งใหญ่ เช็คอินแลนด์มาร์กเมืองนครปฐม เดินเที่ยวชมเมือง นั่งกินร้านอร่อยเก่าแก่ ดื่มกาแฟกับขนมอร่อยๆ บอกเลยว่าทริปนี้ไม่ถึง 500 แน่นอน ว่าแล้วก็ตามไปดูกันเลยกับ One Day Trip เที่ยวนครปฐม นั่งรถไฟฟีดเดอร์ไหว้องค์พระฯ งบคนละไม่ถึง 500
เราเริ่มต้นทริปนครปฐมกันที่สถานีกลางบางซื่อ ด้วยการนั่งรถไฟฟ้าสายสีแดง หรือรถไฟชานเมืองสายสีแดง ที่ชานชาลาหมายเลข 9 – 10 เพื่อไปที่สถานีปลายทางตลิ่งชัน ซึ่งเป็นสถานีที่เชื่อมกับต่อขบวนรถพิเศษหรือรถไฟ Feeder ที่เราจะนั่งไปทริปนครปฐมในวันนี้กัน
อธิบายเพิ่มเติมอีกนิดหน่อยว่ารถไฟ Feeder คือรถไฟดีเซลรางชานเมืองในเส้นทางสายใต้ ซึ่งเป็นขบวนรถระยะสั้นที่วิ่งไป – กลับ ระหว่างสถานีธนบุรี – สถานีนครปฐม มีให้บริการเที่ยวไป ตั้งแต่เวลา 04.45 – 19.20 น. และเที่ยวกลับ 05.00 – 20.40 น. กันเลยทีเดียว เที่ยวกันได้แบบทั้งวันสบายๆ เพื่อนๆ คนไหนสนใจสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้จากในเว็บของการรถไฟแห่งประเทศไทย หน้าเว็บนี้ได้เลย railway.co.th
ขอบคุณรูปภาพจากเว็บไซต์การรถไฟแห่งประเทศไทย
เมื่อถึงสถานีตลิ่งชันแล้ว ก็เดินลงจากสถานีตามป้ายมาเรื่อยๆ จนถึงที่จำหน่ายตั๋ว จากนั้นเราก็บอกเจ้าหน้าที่ได้เลยว่า ซื้อตั๋วรถ Feeder เราก็จะได้รับส่วนลดการเดินทางถึง 50% ใช่แล้ว! ฟังไม่ผิดแน่นอน เพราะว่าราคานี้เป็นราคาพิเศษของผู้ที่เดินทางเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีแดงที่สถานีตลิ่งชันนะ บอกเลยว่าเรามาทันเวลารถไฟพอดีเป๊ะ! (ใครสนใจเผื่อเวลาหน่อยนะ เพราะนั่งรถไฟฟ้าสายสีแดงจากสถานีกลางบางซื่อมาที่สถานีตลิ่งชัน ใช้เวลาประมาณ 15 นาที)
นั่งรถไฟไปสบายๆ มองวิวสองข้างทาง รับลมสบายๆ ช่วงเช้าอากาศดีมาก ประมาณ 55 นาที เราก็มาถึงที่สถานีนครปฐมแล้ว ไวมากๆ
ต้องบอกเลยว่าสถานีรถไฟนครปฐม ตั้งอยู่กลางเมืองเลย แถมอยู่ใกล้กับแหล่งอาหารอย่างตลาดบนและตลาดล่าง รวมทั้งยังสามารถเดินไปเที่ยววัดพระปฐมเจดีย์ได้เลย
เดินจากสถานีรถไฟไปที่ตลาด ระหว่างทางเราก็จะพบกับสะพานเจริญศรัทธา หรือที่ชาวนครปฐมเรียกกันว่าสะพานยักษ์ เป็นสะพานที่สร้างมานับตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ทอดข้ามคลองเพื่อเป็นเส้นทางตรงสู่วัดพระปฐมเจดีย์ และที่ชาวนครปฐมเรียกติดปากกันว่าสะพานยักษ์ก็เพราะว่ามีประติมากรรมปูนปั้นรูปยักษ์อยู่ที่บริเวณเสาหัวสะพานนั่นเอง
ด้วยความมาถึงช่วงเช้า อาหารเช้าก็ต้องมา ร้านแรกที่เราจะไปกันก็คือ ตั้งฮะเส็ง ร้านข้าวหมูกรอบหมูแดงสุดเก่าแก่ในย่านตลาดล่าง เมืองนครปฐม ตัวร้านเป็นอาคารพานิชย์เก่าที่ยังคงกลิ่นอายความเก่าแก่และวิถีชีวิตของชุมชนตลาดในอดีตได้อย่างครบถ้วน
เมนูของร้านมีให้เลือกมากมาย ทั้งข้าวหมูแดง ข้าวมันไก่ ฯลฯ หรือจะเป็นเมนูก๋วยเตี๋ยว ทั้งก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลา ก๋วยเตี๋ยวเป็ดตุ๋น นอกจากนี้ยังมีเครื่องดื่มสุดชื่นใจอีกหลากหลายเมนูให้เลือกเพียบ สำหรับเราสั่งเป็นเมนูข้าวหมูกรอบหมูแดง (ใส่ทุกอย่าง) ในราคา 45 บาท บอกเลยว่าคุ้มค่ามาก เพราะหมูกรอบเนื้อแน่นๆ กรอบ หมูแดงเนื้อแน่น มาพร้อมกับน้ำราดหอมและกลมกล่อม อร่อยสมคำร่ำลือ และเครื่องดื่มชาดำเย็น ทั้งหอมกลิ่นชาและหวานกำลังดี ราคา 15 บาท และน้ำกระเจี๊ยบที่เป็นแบบขวด สามารถเทใส่แก้วเย็นๆ ได้ ราคาเพียง 20 บาทเท่านั้น
หลังจากเติมพลังความอร่อยกันแล้ว เราก็เดินเที่ยวดูบรรยากาศอันสุดคึกคักของตลาดกันต่อ รอบๆ ตลาดมีของขายหลากอย่างมาก ทั้งขนมกินเล่น อาหาร หรือจะเป็นข้าวของเครื่องใช้
เดินผ่านตลาดมาเพียงนิดเดียว เราก็มาถึงวัดพระปฐมเจดีย์ วัดเก่าแก่และแลนด์มาร์กคู่บ้านคู่เมืองของนครปฐม เรามาช่วงที่ตรงกับงานเทศกาลนมัสการองค์พระปฐมเจดีย์พอดี เลยทำให้บรรยากาศของวัดคึกคักและเต็มไปด้วยผู้คน
จากทางเข้า เราจะเห็นองค์พระปฐมเจดีย์องค์สีทองอร่ามตั้งตระหง่านเป็นศูนย์กลางของเมืองนครปฐม และยังมีพระร่วงโรจนฤทธิ์ พระพุทธรูปปางห้ามญาติศิลปะสุโขทัย เป็นพระพุทธรูปองค์สำคัญของวัดพระปฐมเจดีย์และเมืองนครปฐม ประดิษฐานอยู่ห้านหน้า (ทางทิศเหนือ) ขององค์พระเจดีย์
เมื่อเดินขึ้นมาถึงแล้วก็นำดอกไม้ธูปเทียน เข้าไปกราบสักการะ ขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลกันสักหน่อย พร้อมทั้งปิดทองพระร่วงโรจนฤทธิ์องค์จำลอง
หลังจากผ่านระเบียงคต เข้ามาด้านในขององค์พระปฐมเจดีย์ เราก็จะพบกับความสวยงามของรูปแบบสถาปัตยกรรมและความยิ่งใหญ่สมกับการเป็นศูนย์รวมศรัทธาของชาวนครเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีระเบียงคตที่โค้งล้อมรอบองค์พระเจดีย์ บอกเลยว่าถ่ายรูปสวยมากๆ
เดินชมบรรยากาศในพื้นที่ของพระปฐมเจดีย์แล้ว เราก็เดินลงมาเดินเที่ยว หาของกินรองท้องกันต่อภายในตลาดของงานองค์พระฯ จัดเต็มทั้งของกินมากมาย และของใช้อื่นๆ เดินได้แบบเพลินๆ กันเลย
ออกจากองค์พระปฐมเจดีย์ที่ประตูทางทิศตะวันตก มาเที่ยวกันต่อด้วยการเดินชมบรรยากาศเมืองบางส่วนตามถนนราชดำเนิน
เดินมาเรื่อยๆ เราก็มาถึง ตามกาลเวลา cafe คาเฟ่เล็กๆ น่ารักที่มาพร้อมกับการตกแต่งสไตล์วินเทจ ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์มากมาย ทั้งด้านหน้าร้านที่มีต้นไม้ต้นเล็กๆ น่ารักตกแต่งสลับกับกรอบประตูและหน้าต่างที่เป็นไม้ การตกแต่งภายในก็จะเป็นแบบกำแพงอิฐสลับกับเฟอร์นิเจอร์ไม้ ข้าวของเครื่องใช้ในอดีต รวมทั้งนาฬิกาทรายที่เป็นสัญลักษณ์ของทางร้าน
มุมถ่ายรูปในร้านก็มีให้เลือกเพียบ ไม่ว่าจะเป็นมุมที่นั่งริมหน้าต่าง ที่นั่งโซฟาที่มีผนังอิฐสีส้มเป็นฉากหลัง บอกเลยว่าเรียบหรูสุดๆ (แถมยังเข้ากับชุดที่เราใส่ไปวันนี้ด้วยนะ อิอิ)
เมนูที่เราสั่งมาก็คือ Black Zamba เมนูกาแฟซิกเนเจอร์ของทางร้าน ที่เป็นกาแฟ Cold Brew ที่ผสมผสานระหว่างกาแฟ โกโก้ และโทนิค ด้านบนแก้วมีแผ่นน้ำตาลทรายแดงที่สามารถใช้ช้อนเคาะให้น้ำตาลแตกแล้วตกลงในแก้วได้ เป็นกิมมิคการกินกาแฟที่ไม่ซ้ำใคร ราคาอยู่ที่ 120 บาท
เมนูชื่อสะดุดตาอย่าง R.I.P Rest in Peach สุดสดชื่นที่ผสมผสานระหว่างความเปรี้ยวของมะนาว ความสดชื่นของใบมิ้นท์และโซดา เพิ่มความหอมด้วยกลิ้นพีช ราคาเพียง 100 บาทเท่านั้น แถมเรายังสั่งขนมน่ารนักๆ อย่างสตรอเบอร์รี่ชีสพาย ที่มีสตรอเบอร์รี่ชิ้นโต หอมชีสฉ่ำๆ ราคาอยู่ที่ 100 บาท
นั่งดื่มน้ำ กินขนมชิลล์ๆ ระหว่างรอพระราชวังสนามจันทร์เปิดให้เข้าชม ตอน 4 โมงเย็น
ออกจากร้าน เดินมาไม่ไกลเราก็ถึงพระราชวังสนามจันทร์ สถานที่สำคัญคู่เมืองนครปฐมอีกแห่งหนึ่ง โดยพระราชวังสนามจันทร์จะเปิดให้เข้าชมทั้งหมด 2 ช่วง คือ ช่วงเช้า ตั้งแต่เวลา 05.00 – 09.00 น. และช่วงเย็น เวลา 16.00 – 20.00 น.
ภายในพื้นที่ของพระราชวังสนามจันทร์เป็นพื้นที่โล่งกว้างและมีความร่มรื่นอย่างมาก เพราะเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ สนามหญ้าสีเขียวอยู่ใจกลางพื้นที่ และสระน้ำขนาดใหญ่ อีกทั้งยังมีพระตำหนักหลายองค์ตั้งอยู่ภายในอีกด้วย
ที่เป็นไฮไลท์เลยก็คือพระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ ที่มีรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบฮาล์ทิมเบอร์ของอังกฤษ ผสมผสานกันกับเรเนซ็องค์ของฝรั่งเศส ทั้งสวยงามและเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในโลกเทพนิยายอย่างมาก นอกจากนี้ด้านหน้าพระตำหนักยังมีประติมากรรมย่าเหล สุนัขทรงเลี้ยงของรัชกาลที่ 6 อีกด้วย
และด้านทิศตะวันออกของพระราชวังสนามจันทร์ยังเป็นที่ประดิษฐานของพระบรมราชานุสาวรีย์ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ เจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ให้ได้ถวายสักการะอีกด้วย
พื้นที่กลางสนามหญ้าของพระราชวังสนามจันทร์เป็นที่ประดิษฐานขององค์พระพิฆเนศ หรือที่เรียกว่า เทวาลัยคเณศร์อีกด้วย ความสวยงามนอกจากประติมากรรมองค์พระพิฆเนศแล้ว จากตำแหน่งของเทวาลัยจะสามารถมองเห็นองค์พระปฐมเจีดย์ที่อยู่ตรงกับศาลอีกด้วย เป็นภาพที่สวยงามอย่างมาก
นอกจากจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว ยังเป็นพื้นที่ออกกำลังกายของชาวนครปฐมอีกด้วย เพราะนอกจากหมู่พระตำหนักองค์ต่างๆ ยังมีเส้นทางและสวนให้ได้นั่งพัก เดินเล่น หรือเดินออกกำลังกายก็ได้
เมื่อออกมายังทางเข้าของพระราชวังสนามจันทร์ ก็จะพบกับจุดถ่ายรูปแลนด์มาร์กอีกแหน่งหนึ่ง นั่นก็คือสะพานรามประเวศน์ ที่อยู่ตรงกับถนนราชดำเนินที่มุ่งสู่องค์พระปฐมเจดีย์ ในช่วงเย็นที่แสงพระอาทิตย์สาดส่องกระทบกับองค์พระมหาเจดีย์ ก็จะเห็นเป็นภาพที่สวยงามจนอดถ่ายรูปเก็บไว้ไม่ได้เลย
หลังจากเดินชม พักผ่อนกับบรรยากาศช่วงเย็นสุดชิลล์กันแล้ว เราก็เดินกลับไปที่ตลาดโต้รุ่งแถวๆ องค์พระปฐมเจดีย์และหน้าสถานีรถไฟ เพื่อหาอะไรกินรองท้องก่อนกลับ ตอนกลางคืน บรรยากาศของงานองค์พระปฐมเจดีย์สวยมาก ประดับประดาไฟแบบจัดเต็ม
เดินไป หาของกินไป สรุปว่าเอาขึ้นไปกินตอนนั่งรถไฟแทน หมดไปรวมๆ แล้วประมาณ 100 บาทเอง
ทั้งหมดนี้ก็คือ One Day Trip เที่ยวนครปฐม นั่งรถไฟฟีดเดอร์ไหว้องค์พระฯ งบคนละไม่ถึง 500 ที่บอกเลยว่าสะดวกสบายตั้งแต่การเดินทางด้วยการขนส่งของการรถไฟแห่งประเทศไทย ประหยัดเวลา และค่าใช้จ่าย และตัวเมืองนครปฐมยังเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวและสถานที่พักผ่อนที่ไม่ไกลกัน สามารถเดินไปได้แบบสบายๆ ถึงจะไม่มีรถส่วนตัวหรือไม่ได้ขับรถไปก็หายห่วงได้เลย เอาเป็นว่าวันหยุดวันไหน ถ้าใครยังไม่มีแพลนไปที่ไหน ลองนั่งรถไฟ Feeder ไปเที่ยวนครปฐมกันดูนะ ชิลล์ม้ากกก
สรุปค่าใช้จ่าย One Day Trip เที่ยวนครปฐม นั่งรถไฟฟีดเดอร์ไหว้องค์พระฯ งบคนละไม่ถึง 500
– ค่ารถไฟฟ้าสายสีแดง ทั้งไปและกลับ (จากสถานีกลางบางซื่อ – สถานีปลายทางตลิ่งชัน) คนละ 70 บาท
– ค่ารถไฟ Feeder ทั้งไปและกลับ คนละ 40 บาท
– ค่าอาหารและเครื่องดื่มร้านตั้งฮะเส็ง รวม 125 บาท (หาร 2 ตกคนละ 62.50 บาท)
– ค่าอาหารและเครื่องดื่มร้านตามกาลเวลา รวม 320 บาท (หาร 2 ตกคนละ 160 บาท)
– ค่าอาหารและเครื่องดื่มตลาดโต้รุ่ง คนละประมาณ 100 บาท
รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดตลอดทริปอยู่ที่ประมาณคนละ 433 บาท (ราคาหาร 2 แล้วนะ)
** ราคาไม่รวมของกินในงานองค์พระปฐมเจดีย์**
เป็นอย่างไรกันบ้างกับ One Day Trip เที่ยวนครปฐม นั่งรถไฟฟีดเดอร์ไหว้องค์พระฯ งบคนละไม่ถึง 500 รับรองว่าได้ไปแล้วจะต้องติดใจแน่นอน ถ้าเพื่อนๆ คนไหนสนใจอยากเที่ยวนครปฐมอีกหลายๆ ครั้ง เราก็มีทริปอื่นมาแนะนำด้วยกับ One Day Trip เที่ยวนครปฐม นั่งรถไฟฟีดเดอร์ไหว้องค์พระฯ งบคนละไม่ถึง 500 กับ 12 ร้านอาหารและคาเฟ่นครปฐม อัปเดตครึ่งปีแรก 2022 บรรยากาศดีที่ห้ามพลาด