ทริป 2 วัน 1 คืน เชียงราย-ดอยช้าง เที่ยวชิคๆ กลางธรรมชาติ สัมผัสทะเลหมอกสุดฟิน!
15,931 ครั้ง
15 ก.ย. 2565
15,931 ครั้ง
15 ก.ย. 2565
ถ้าพูดถึง ดอยช้าง หลายคนคงจะนึกถึงแหล่งปลูกกาแฟอันดับต้นๆ ของประเทศไทย แต่จริงๆ แล้วนอกจากดอยช้างจะมีกาแฟชั้นดีแล้ว ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ มากมายด้วย ไม่ว่าจะเป็นที่เที่ยว ร้านอาหาร หรือคาเฟ่ต่างๆ จุดเด่นของดอยช้างอยู่ที่ธรรมชาติที่ยังคงสวยงามและเงียบสงบ มีทะเลหมอกให้ชมแบบฟินๆ และอากาศเย็นๆ ที่ชวนให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปสัมผัส ถ้าใครยังไม่รู้จะไปเที่ยวไหนดีบนดอยช้างก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะวันนี้ทริปเก็ทเตอร์ได้รวบรวมสถานที่สวยๆ น่าไปมาให้แล้ว แถมมีวันหยุดแค่เสาร์อาทิตย์ก็สามารถไปเที่ยวได้ ตามไปดูกันได้เลยใน ทริป 2 วัน 1 คืน เชียงราย-ดอยช้าง เที่ยวชิคๆ กลางธรรมชาติ สัมผัสทะเลหมอกสุดฟิน!
ทริปนี้เราตั้งต้นกันที่สนามบินดอนเมือง มุ่งหน้าสู่ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง ใช้เวลาเดินทางเพียงหนึ่งชั่วโมงกว่าๆ เท่านั้น หลังจากแอบงีบหลับพักผ่อนตอนอยู่บนเครื่องกันไปเรียบร้อยแล้ว เมื่อมาถึงเชียงราย พวกเราก็พร้อมออกลุยเที่ยวต่อกัน สำหรับทริปนี้เราเดินทางด้วยรถยนต์ตลอดทั้งทริป เพราะว่าต้องมุ่งหน้าขึ้นดอยช้างกันนั่นเอง สามารถเช่ารถยนต์ได้ที่สนามบินได้เลย สะดวกสบายมากๆ
ถ้าพร้อมแล้วก็ลุยกันเลยกับจุดเช็คอินแรกของเราในทริปนี้ นั่นก็คือ วัดร่องเสือเต้น นั่นเอง ตั้งอยู่หมู่บ้านร่องเสือเต้น ห่างจากสนามบินเพียง 6.5 กิโลเมตรเท่านั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 12 นาที บอกเลยว่าเหมาะเป็นจุดเช็คอินแรกเมื่อมาถึงเชียงราย เพราะนอกจากจะได้ไหว้พระเสริมความเป็นสิริมงคลแล้ว ยังได้ชมสถาปัตยกรรมที่แสนงดงามของวัดร่องเสือเต้น ที่อลังการงานสร้างสุดๆ ที่นี่สร้างและออกแบบโดยศิลปินพื้นบ้านชาวเชียงรายอย่าง นายพุทธา กาบแก้ว หรือที่รู้จักกันในชื่อสล่านก ลูกศิษย์ของอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ใช้เวลาก่อสร้างทั้งหมด 11 ปีด้วยกัน
ตัววัดเป็นสีน้ำเงินตัดสลับกับสีทองทั่วทั้งวัด สวยงามตระการตามากจริงๆ ด้านหน้าวิหารจะมีรูปปั้นพญานาคสองตัว แกะสลักออกมาได้สมจริงมาก
ส่วนในวิหารจะประดิษฐานพระประธาน มีชื่อเรียกว่าพระพุทธรัชมงคลบดีตรีโลกนาถ เป็นพระพุทธรูปสีขาวมุก สูงกว่า 6.5 เมตร รอบๆ ผนังตกแต่งด้วยจิตรกรรมฝาผนังเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ใครมาเชียงรายต้องไม่พลาดที่จะแวะมากราบไหว้
หลังจากไหว้พระและชมความงามของสถาปัตยกรรมกันแล้ว ก็เดินเล่นถ่ายรูปได้ชิลล์ๆ กันต่อ เป็นการเริ่มต้นทริปที่ดีมากๆ
หลังจากไหว้พระกันจนอิ่มอกอิ่มใจแล้ว เราก็มุ่งหน้าสู่ดอยช้างกันต่อทันที จากตัวเมืองใช้เวลาเดินทางประมาณชั่วโมงกว่าๆ ระหว่างทางมีวิวสวยๆ ของธรรมชาติให้ชมตลอดสองข้างทาง วันนี้เราแวะกินมื้อเที่ยงกันที่ Yayo Farm ร้านอาหารและคาเฟ่บนดอยช้าง
ถึงแม้ร้านอาจจะอยู่ในซอยค่อนข้างลึก แต่สามารถเดินทางมาได้ไม่ยาก ปักหมุดบนกูเกิ้ลแมปได้เลย ตัวร้านตกแต่งผสมผสานอินดัสเทรียลลอฟท์กับธรรมชาติให้เข้ากันอย่างลงตัว เผยให้เห็นโครงสร้างเหล็ก เน้นโทนสีน้ำตาลและสีดำ หลังคาทำจากหญ้าคา ใช้วัสดุจากธรรมชาติเพื่อให้กลมกลืนกับสิ่งแวดล้อมโดยรอบ เป็นที่แบบเปิดโล่ง มองเห็นวิวภูเขาแบบพาโนรามา
มีโซนที่นั่งให้เลือกหลายแบบ ถ้าใครอยากได้ฟีลใกล้ชิดธรรมชาติแบบสุดๆ ก็ถือแก้วไปนั่งริมระเบียงได้เลย บอกเลยว่าที่นี่บรรยากาศดีมาก ส่วนใครที่มีสัตว์เลี้ยงเป็นสัตว์เล็กใส่กรงก็สามารถพามาเที่ยวที่นี่ได้นะ
โดยเฉพาะใครเป็นคอกาแฟต้องถูกใจที่นี่แน่นอน เพราะเค้าปลูกกาแฟเองทุกขั้นตอน ตั้งแต่เริ่มต้นกระบวนการผลิตเมล็ดกาแฟไปจนถึงเสิร์ฟออกมาเป็นแก้วถึงมือลูกค้าเลย ถ้าใครไปช่วงเดือนพฤษจิกายน – มกราคม จะได้ชมการปลูกกาแฟแบบสดๆ เรียกได้ว่าร้านใส่ใจทุกขั้นตอนการผลิตจริงๆ เริ่มตั้งแต่การปลูก รวมถึงการเลือกใช้เครื่องมือต่างๆ ที่มีคุณภาพระดับโลก เพื่อให้ได้กาแฟรสชาติดีที่สุดทุกแก้ว
มาดูมื้อเที่ยงของเรากันดีกว่า เพราะนอกจากที่นี่จะบรรยากาศดีแล้ว รสชาติอาหารก็ยังอร่อยไม่แพ้กัน เมนูแนะนำที่เสิร์ฟทั้งหมดวันนี้มีครบทั้งของคาว ของหวาน และเครื่องดื่มเลย เรียกได้ว่าครบจบมื้อในที่เดียว
มาเริ่มที่เมนูอาหารจานแรก ข้าวไข่ข้นกะเพราหมู เสิร์ฟมาแบบจานใหญ่มาก กะเพรารสชาติจัดจ้านเข้ากับไข่ข้นและข้าวสวยร้อนๆ ได้เป็นอย่างดี จานนี้ราคา 100 บาท
มาต่อกันที่เมนูอาหารยุโรปสไตล์ฟิวชั่นกันบ้าง ชาโคลเบอร์เกอร์เนื้อ เป็นเบอร์เกอร์แป้งชาโคล ข้างในยัดใส้แน่นๆ ทั้งเนื้อ ชีส และผัก เสิร์ฟพร้อมเฟรนซ์ฟรายทอดกรอบร้อนๆ เป็นเมนูที่กินง่ายและอิ่มคุ้มราคามากๆ จานนี้ราคา 250 บาท
ปิดท้ายเมนูของคาวด้วย สปาเก็ตตี้ชาโคลเบคอนผัดพริกแห้ง รสชาติจัดจ้านถึงเครื่องสุดๆ เบคอนก็ชิ้นใหญ่และได้เยอะมาก ราคาเพียง 150 บาทเท่านั้น
มาต่อกันที่เมนูของหวานดีกว่า เป็นเมนูเค้กทั้งหมด 2 รสชาติด้วยกัน ชิ้นแรกเป็น เค้กแครอท และชิ้นที่สองเป็น คาราเมลชีสเค้ก ทั้งสองชิ้นราคา 90 บาท บอกเลยว่าเค้กที่นี่ก็เป็นที่นิยมไม่แพ้เมนูกาแฟ เป็นเค้กเนื้อแน่น จัดเต็มทั้งครีมและรสชาติหวานฉ่ำ เอาใจสายหวานสุดๆ
ปิดท้ายด้วยเมนูเครื่องดื่ม แก้วแรกเป็น Kiss me softly กาแฟคั่วกลางรสชาติเข้มข้นผสมผสานกับน้ำมะนาว ราคา 120 บาท ส่วนแก้วที่สองเป็นเมนูใหม่ล่าสุด ชื่อว่า Ready for love เป็นกาแฟที่ผสมผสานกับสตรอว์เบอร์รี่ รสชาติเปรี้ยวหวานของน้ำสตรอว์เบอร์รี่ตัดกับรสชาติเข้มข้นของกาแฟได้เป็นอย่างดี ใครคอกาแฟต้องลองเมนูนี้เลย ราคา 120 บาท
อิ่มอร่อยมื้อเที่ยงกันแบบจัดเต็มสุดๆ
หลังจากกินอิ่มกันแล้วก็มาเดินเล่นถ่ายรูปกัน ที่นี่มีมุมถ่ายรูปบริเวณด้านหน้าคาเฟ่ อย่างมุมลูกบอลแก้ว เป็นมุมถ่ายรูปที่ไม่ซ้ำใคร
หรือจะนั่งชิงช้าชิลล์ๆ ก็ได้ มีวิวฉากหลังเป็นภูเขา รับประกันว่ารูปออกมาสวยแน่นอน
หลังจากอิ่มอร่อยกับมื้อเที่ยงแล้ว เราก็มุ่งหน้าไปเช็คอินที่พักของเราบนดอยช้างกันเลย คืนนี้เราพักกันที่ Abonzo Paradise เป็นทั้งที่พักและคาเฟ่ในบริเวณเดียวกัน ส่วนบริเวณที่พักของเราเรียกว่า ARUTO Village เป็นหมู่บ้านญี่ปุ่นจำลองแบบน่ารักๆ ตัวที่พักเป็นเต็นท์โดมแบบส่วนตัว โดยแต่ละหลังจะมีพื้นที่รอบๆ ค่อนข้างกว้างและมีรั้วรอบอย่างมิดชิด มีทั้งหมด 4 หลังเท่านั้น เน้นการพักผ่อนแบบส่วนตัวสุดๆ
ตรงป้ายทางเข้าออกแบบไว้น่ารักมาก ต้องแวะถ่ายรูปสักแชะ
ที่พักมีรั้วปิดอย่างมิดชิดทุกห้อง และมีกิมมิคชื่อห้องอย่างน่ารักๆ เป็น ARUTO Honey, ARUTO House Blend, ARUTO Peaberry และ ARUTO Natural
คืนนี้เราพักกันที่ห้อง ARUTO Peaberry
ตัวที่พักเป็นเต็นท์โดมที่ด้านหน้าโปร่งใส สามารถนอนมองวิวดอยช้างได้แบบ 360 องศาตั้งแต่บนเตียง มีห้องน้ำส่วนตัวตั้งแยกออกมาข้างๆ มีบริเวณโต๊ะเก้าอี้ด้านนอกให้นั่งเล่นชมวิวและพักผ่อน หรือจะสั่งอาหารมากินที่บริเวณนี้ก็ได้เช่นกัน
ห้องน้ำของที่พักกว้างขวางมาก แบ่งแยกบริเวณโซนเปียกและโซนแห้งอย่างชัดเจน มีเครื่องทำน้ำอุ่น และของใช้ในห้องน้ำต่างๆ เตรียมไว้ให้อย่างครบครัน
หลังจากเช็คอินเข้าพัก ทางที่พักก็มี Welcome Drink เสิร์ฟให้ด้วย นั่งจิบเครื่องดื่มชิลล์ๆ ชมวิวสวยๆ ท่ามกลางธรรมชาติที่เงียบสงบ เป็นการเติมพลังที่ดีมากๆ เลย
มาดูห้องพักกันบ้างดีกว่า ด้านในเต็นท์เป็นเตียงขนาด King Size มีมุมเก้าอี้ด้านหน้าเตียง สามารถนั่งอ่านหนังสือชมวิวจากในนี้ได้ มีเครื่องปรับอากาศ นอกจากนี้ก็ยังมีอุปกรณ์ของใช้ต่างๆ อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นผ้าขนหนู เสื้อคลุมอาบน้ำ รองเท้าใส่เดินในห้อง และไดร์เป่าผม
ภายในห้องพักตกแต่งคุมโทนมากๆ ถ่ายรูปลงไอจีสวยๆ ได้เลย
ห้อง ARUTO Peaberry สามารถชมวิวขุนเขาได้แบบ 360 องศา มีระเบียงยื่นออกไปในสวนกาแฟ วันที่เราไปพักมีหมอกจางๆ ตลอดทั้งวัน อากาศเย็นสบายสุดๆ เหมือนหลุดออกจากโลกในเมืองที่แสนวุ่นวายมาสู่โลกอีกใบที่โอบล้อมด้วยธรรมชาติอย่างแท้จริง
มุมไฮไลท์อีกหนึ่งมุมของที่พัก ก็คือมีอ่างอาบน้ำนั่นเอง ส่วนของอ่างอาบน้ำจะเป็นระเบียงยื่นออกไปอีก ได้แบ็คกราวน์พื้นหลังที่สวยสุดๆ ใครเป็นสายคอนเทนต์ต้องถูกใจแน่นอน นอนแช่อ่างชมทะเลหมอกกันไป ผ่อนคลายมาก
ถ่ายรูปออกมาปังสุด
บรรยากาศช่วงเย็นโรแมนติกสุด ที่พักจะเปิดไฟสีส้มตกแต่งทั่วบริเวณ
หลังจากเล่นน้ำกันจนเหนื่อย เราก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ามากินอาหารเย็นกันต่อที่บริเวณคาเฟ่ของทางที่พักได้เลย โดยมื้อเย็นของเราวันนี้เลือกเป็นอาข่าเซ็ต เป็นเซ็ตอาหารแนวโลคอลทั้งหมด 7 เมนู เสิร์ฟพร้อมข้าวสวยร้อนๆ และน้ำเปล่าเย็นชื่นใจ ทั้งเซ็ตนี้ราคา 1,000 บาท หรือใครอยากกินชาบูร้อนๆ ทางที่พักก็มีให้บริการเช่นเดียวกัน ราคาเท่ากับอาข่าเซ็ตเลย
แต่ละเมนูเสิร์ฟอย่างจัดเต็ม รวมถึงใช้วัตถุดิบออแกร์นิคจากบนดอยช้างด้วย ในเซ็ตนี้ประกอบไปด้วย ไข่เจียวหอมชู ยอดมะระหวาน ลาบหมูอาข่า หมูแดดเดียว ไก่ทอด และชุดน้ำพริกอาข่าผักรวม
ลาบหมูอาข่า เป็นลาบเหนือแบบแท้ๆ รสชาติเผ็ดร้อนโดนใจมาก
ส่วนใครไม่กินเผ็ดก็มีเมนูกินง่ายๆ อย่างไข่เจียวหอมชู
ยอดมะระหวาน เป็นอีกหนึ่งเมนูแนะนำในเซ็ตที่ต้องลอง
หรือใครอยากกินเป็นอาหารจานเดี่ยว ก็สามารถสั่งแยกเป็นจานๆ ได้เช่นเดียวกัน เรียกได้ว่าสะดวกสบายมากๆ เพราะไม่ต้องไปหามื้อเย็นกินที่ไหนไกล กินเสร็จแล้วก็เดินกลับไปนอนพักผ่อนในที่พักกันต่อ เก็บแรงไว้เริ่มต้นวันที่ 2 อย่างสดชื่นกัน
เริ่มต้นเช้าวันใหม่กันอย่างแจ่มใส เพราะเมื่อคืนมีฝนตกพรำๆ ตลอดทั้งคืน ทำให้ช่วงเช้าเราตื่นมาเจอกับทะเลหมอกที่โอบล้อมที่พักอยู่ เหมือนอยู่ในอ้อมกอดของธรรมชาติอย่างแท้จริง หลังจากแต่งตัวกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็ไปกินอาหารเช้ากันที่บริเวณคาเฟ่เลย โดยเวลาอาหารเช้าจะเริ่มประมาณ 08.00 น.
เซ็ตอาหารเช้าจะประกอบไปด้วยข้าวต้มหมู ไข่ดาว ไส้กรอกและเบคอนทอดกรอบ ไข่ต้ม สลัดทูน่า ซาลาเปา โยเกิร์ต และผลไม้ตามฤดูกาล ส่วนเครื่องดื่มมีเสิร์ฟเป็นน้ำส้มคั้นสด เติมความสดชื่นกันตั้งแต่เช้า และอาหารเช้ารวมมาในราคาของที่พักแล้ว บอกเลยว่าคุ้มมากๆ
กินอาหารเช้าท่ามกลางทะเลหมอกและอากาศเย็นสบาย เป็นบรรยากาศที่ไม่สามารถหาในเมืองได้เลย
หลังจากกินมื้อเช้ากันเสร็จเรียบร้อย เราก็มาเดินเล่นถ่ายรูปในบริเวณคาเฟ่กันต่อ ในส่วนของคาเฟ่ Abonzo Coffee ก็เป็นคาเฟ่สไตล์เปิดโล่ง สร้างด้วยวัสดุจากธรรมชาติ ตกแต่งผสมผสานสไตล์ญี่ปุ่นหน่อยๆ มีโซนที่นั่งทั้งในตัวอาคารและด้านนอกบริเวณริมระเบียง นั่งชมวิวขุนเขาได้แบบชิลล์ๆ นอกจากนี้ยังมีมุมถ่ายรูปทั่วบริเวณ
มุมนี้ถ่ายรูปสวยมาก เป็นป้ายชื่อร้านที่ออกแบบมาสไตล์เสาโทริของญี่ปุ่น ด้านหลังเป็นทะเลหมอก เหมือนเดินอยู่บนก้อนเมฆ
ถ่ายรูปมุมไหนก็สวยทุกมุมจริงๆ เพราะโลเคชั่นบนดอยช้างปังมาก
บอกเลยว่าวิวสวยเหมือนภาพวาดจริงๆ
ส่วนมุมนี้เหมือนอยู่ญี่ปุ่นเลย
หลังจากเดินเล่นถ่ายรูปกันไปสักพัก ท้องก็เริ่มร้องอีกครั้ง เราก็เลยหาของว่างกินกันที่คาเฟ่กัน แน่นอนว่ามาดอยช้างก็ต้องกินกาแฟ เราสั่งเมนูเครื่องดื่มกัน 2 แก้ว เป็น Peach Tea Espresso Shot และ Fresh Orange Cold Brew Shot ทั้ง 2 แก้วราคา 100 บาท
ส่วนของหวานเลือกเป็นบานอฟฟี่ กินคู่กับเครื่องดื่มแล้วเข้ากันสุดๆ ราคา 105 บาท
Abonzo Paradise เป็นที่พักและคาเฟ่ดอยช้างที่บรรยากาศดีและมีครบทุกอย่างในที่เดียว ใครมาดอยช้างต้องไม่พลาดที่จะแวะมาที่นี่เลย รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน
เช็คเอาท์ออกจากที่พักกันเรียบร้อย เราก็มุ่งหน้าไปต่อยังจุดเช็คอินที่สองของเราในวันนี้ นั่นก็คือ Akha FarmVille ฟาร์มคาเฟ่ที่มีน้องแกะสุดน่ารักรอต้อนรับเราอยู่ ใช้เวลาเดินทางเพียงแค่ 10 นาทีเท่านั้น ถึงแม้จะเป็นช่วงบ่ายแล้ว แต่อากาศยังเย็นสบายแถมมีทะเลหมอกเจือจางอยู่ตลอดเวลา สำหรับที่นี่จะมีค่าเข้า 100 บาท/คน สามารถใช้แลกเครื่องดื่มได้คนละ 1 แก้ว
ที่นี่กว้างขวางมาก มีเนื้อที่กว่า 30 ไร่ ตัวร้านแบ่งออกเป็น 2 โซนด้วยกัน มีโซนคาเฟ่ที่เป็นที่นั่งใต้อาคาร ตกแต่งด้วยวัสดุธรรมชาติกลิ่นอายแบบชาวอาข่า มีเครื่องดื่มและเบเกอรี่ให้บริการ สำหรับใครที่จะแลกเครื่องดื่มก็สามารถนำตั๋วเข้ามาแลกตรงนี้ได้เลย สามารถแลกได้ทั้ง 3 เมนูด้วยกัน นั่นก็คือชาเย็น ชาพีช และกาแฟ
ข้างๆ โซนคาเฟ่จะมีคอกของน้องแกะที่อายุยังน้อยอยู่ด้วย สามารถเดินไปทักทายและลูบหัวน้องๆ ได้เลย แกะที่นี่น่ารักและเป็นมิตรมากๆ
ส่วนอีกโซนจะเป็นโซนทุ่งหญ้ากว้างที่มีน้องแกะน้อยใหญ่วิ่งเล่นเต็มไปหมด พร้อมมีโซนที่นั่งเอาท์ดอร์ให้นั่งพักเหนื่อยหรือชมธรรมชาติ แต่ก่อนจะออกไปวิ่งเล่นและถ่ายรูปสวยๆ กับน้องแกะก็ต้องแวะซื้ออาหารให้น้องๆ ก่อน ที่นี่จะมีอาหารขายทั้งแบบแครอทและอาหารเม็ด ราคา 30 บาท/ถาด และตอนที่เราไปมีโปรโมชั่นซื้อ 4 ถาดแถม 1 ถาด ก็จัดกันมาเลย 5 ถาด
น้องแกะที่นี่ energy มาเต็มมาก วิ่งเล่นกันเหนื่อยสุดๆ
ยืนให้อาหารแกะกันชิลล์ๆ เป็นการมาพักผ่อนที่เปลี่ยนสไตล์ไปอีกแนว
นั่งชมวิวชิลล์ๆ จิบเครื่องดื่มไปพลาง เที่ยวแบบสโลว์ไลฟ์ไม่รีบร้อน
วิ่งเล่นบนเนินทุ่งหญ้าเขียวขจี มีฉากหลังเป็นภูเขาและท้องฟ้ากว้างไกลสุดลูกหูลูกตา เหมือนอยู่นิวซีแลนด์เลย แต่จริงๆ แล้วใกล้แค่ดอยช้างเท่านั้น ใครมาดอยช้างต้องจดที่นี่เข้าลิสต์เลย
ปิดท้ายทริปนี้กันที่ จุดชมวิวดอยช้าง เป็นจุดชมวิวที่ซ่อนตัวอยู่ในพุทธอุทยานดอยช้าง แม้ทางที่ไปอาจจะยากสักนิดหน่อยแต่ขึ้นไปถึงแล้วก็คุ้มค่ามากๆ เพราะที่นี่สูงจากระดับน้ำทะเลถึง 1,485 เมตร สามารถมองเห็นวิวและทัศนียภาพดอยช้างโดยรอบได้กว้างไกลสุดๆ และเป็นจุดที่คนนิยมมาดูพระอาทิตย์ตกกันด้วย
ตรงทางขึ้นมีประดิษฐานท้าวเวสสุวรรณให้กราบไหว้กันด้วย
ตรงจุดชมวิวโอบล้อมไปด้วยบรรดาต้นไม้น้อยใหญ่เต็มไปหมด บรรยากาศร่มรื่นสุดๆ
เดินถ่ายรูปมุมนี้แล้วให้ฟีลเหมือนอยู่ต่างประเทศเลย ต้นไม้ที่นี่สวยมากๆ
ยืนชมวิวดอยช้างพร้อมรับอากาศบริสุทธิ์จากธรรมชาติ เป็นการปิดท้ายทริปนี้ได้อิ่มใจสุดๆ และนี่ก็คือความน่าประทับใจทั้งหมดของทริปเชียงราย – ดอยช้าง 2 วัน 1 คืนของเรา ที่เป็นการมาพักผ่อนให้ธรรมชาติเยียวยาหัวใจ ได้เยี่ยมชมความงามของธรรมชาติและความเงียบสงบของดอยช้าง แถมยังได้เช็คอินสถานที่ท่องเที่ยวแบบครบทุกสไตล์อีกด้วย เอาเป็นว่าวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ที่จะถึงนี้ลองจองตั๋วเครื่องบินมาเชียงรายกันดูนะ รับรองว่าจะต้องติดใจดอยช้างจนต้องกลับมาอีกบ่อยๆ แน่นอน
รวมค่าใช้จ่ายตลอด ทริป 2 วัน 1 คืน เชียงราย-ดอยช้าง เที่ยวชิคๆ กลางธรรมชาติ สัมผัสทะเลหมอกสุดฟิน!
– ค่าอาหารและเครื่องดื่ม Yayo Farm 902 บาท (451 บาท/คน)
– ค่าที่พัก Abonzo Paradise 12,000 บาท **รวมอาหารเช้า (6,000 บาท/คน)
– ค่าอาหารเย็น Abonzo Paradise 1,000 บาท (500 บาท/คน)
– ค่าอาหารและเครื่องดื่ม Abonzo Coffee 305 บาท (152.50 บาท/คน)
– ค่าเข้าและค่าอาหารแกะ Ahka Farmville 320 บาท (160 บาท/คน)
รวมค่าใช้จ่ายตลอดทริป 14,527 บาท (สำหรับ 2 คน)
เฉลี่ยเหลือคนละ 7,263.5 บาท
**ราคาไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าเช่ารถ ค่าน้ำมันรถไป-กลับ และค่าของฝากต่างๆ**
เป็นอย่างไรกันบ้างกับ ทริป 2 วัน 1 คืน เชียงราย-ดอยช้าง เที่ยวชิคๆ กลางธรรมชาติ สัมผัสทะเลหมอกสุดฟิน! ใครไปเชียงรายต้องเที่ยวตามทริปนี้เลย หรือใครอยากเที่ยวจังหวัดใกล้ๆ ก็ขอแนะนำ ทริปเชียงใหม่ 4 วัน 3 คืน นั่งรถไฟไปเชียงใหม่ เที่ยวครบทั้งในเมืองและนอกเมือง หรือใครอยากเที่ยวแบบอันซีนดูสักครั้งในชีวิตก็ต้องไปตามทริปนี้เลย ทริป 3 วัน 2 คืน ค้นหาอันซีนเมืองตาก สักครั้งในชีวิตที่ต้องไป!!