ทริป 3 วัน 2 คืน ประจวบคีรีขันธ์ – เพชรบุรี เที่ยวครบทุกสไตล์ ครั้งหนึ่งในชีวิตต้องไปลอง!!
19,016 ครั้ง
3 พ.ค. 2565
19,016 ครั้ง
3 พ.ค. 2565
เมื่อพูดถึงจังหวัดประจวบคีรีขันธ์และจังหวัดเพชรบุรี คนส่วนใหญ่คงจะคิดถึงทะเลและชายหาด แต่จริงๆ แล้วทั้งสองจังหวัดนี้มีแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย และถ้าทุกคนอยากรู้ว่ามีที่ไหนที่ครั้งหนึ่งควรไปลองเที่ยว วันนี้ทริปเก็ทเตอร์จะพาทุกคนร่วมเดินทางไปกับทริปสุดพิเศษ ที่นิยามได้ว่าเป็นทริป “Once in a Lifetime” เป็นประสบการณ์ล้ำค่าครั้งหนึ่งในชีวิตที่ได้สัมผัส มอบให้ Top Spenders ของบัตรเครดิตท่องเที่ยว ธนาคารกรุงเทพ จัดโดย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ภูมิภาคกลาง ร่วมกับ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ถ้าอยากรู้ว่ามีความพิเศษอะไรรอเราอยู่บ้าง ก็ตามไปดูกันเลย
ทริปของเราเริ่มเดินทางจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานใหญ่มุ่งหน้าสู่ถนนพระราม 2 ความประทับใจของเราเริ่มตั้งแต่ก้าวขาขึ้นรถ วันนี้เราเดินทางกันด้วยรถตู้ Hyundai H1 ภายในรถมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่มเย็นๆ กระดาษทิชชู่ หรือผ้าเย็น และเจลแอลกอฮอล์ประจำรถ ทีมงานได้เตรียมพร้อมไว้ให้บนรถทั้งหมด และที่สำคัญคือเน้นความเป็นส่วนตัวมากๆ เพราะรถ 1 คันจะมีผู้ร่วมเดินทาง 4 คนเท่านั้น พร้อมด้วยทีมงานประจำที่คอยดูแลและให้ความช่วยเหลือตลอดทั้งทริป เปรียบเสมือนมี Butler ส่วนตัวกันเลยทีเดียว และการจัดกิจกรรมครั้งนี้ยังอยู่ภายใต้มาตรการ D-M-H-T-T-A อีกทั้งสถานที่ท่องเที่ยวและที่พักในทริปนี้ยังได้รับมาตรฐาน SHA – SHA Plus และเป็น Covid Free Setting ด้วย
การมาร่วมทริปครั้งนี้ ผู้เข้าร่วมทริปจะได้รับชุด Travel Kit ที่จุดลงทะเบียน ซึ่งเป็นถุงผ้าสกรีนคำว่า Once in a Lifetime ได้จัดเตรียมของใช้จำเป็นไว้ให้แก่ผู้เข้าร่วมทริป ประกอบไปด้วยร่ม สเปรย์แอลกอฮอล์ หน้ากากอนามัย และชุดตรวจ ATK แค่เริ่มต้นทริปก็รับรู้ได้ถึงความห่วงใยและความใส่ใจแบบสุดๆ
ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมงกว่าๆ ก็มาถึงจุดเช็คอินแรกของเราในวันนี้ นั่นก็คือ สวนมะม่วงหาวมะนาวโห่ลุงศิริ แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรกรรม ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 40 ไร่ เมื่อไปถึงสวนแล้ว กิจกรรมแรกที่เราทำกันก็คือ เดินชมสวนต้นมะม่วงหาวมะนาวโห่ โดยสามารถเก็บผลจากต้นทานได้แบบสดๆ และยังมี Welcome Drink เป็นน้ำมะม่วงหาวมะนาวโห่ของทางสวนเสิร์ฟให้ดื่มเย็นๆ กันอย่างชื่นใจ
ที่สวนมีพร็อพเป็นตะกร้าสานไว้ให้ถือแบบเก๋ ๆ
ต้นมะม่วงหาวมะนาวโห่เป็นผลไม้สมุนไพร ผลสีแดง ถ้าผลที่ไม่สุกจะมีรสชาติเปรี้ยว ส่วนผลที่สุกแล้วจะมีรสชาติหวาน มีประโยชน์ต่อร่างกายหลายอย่าง เช่น ช่วยรักษาโรคถุงลมโป่งพอง ช่วยรักษาโรคเบาหวาน ช่วยชะลอวัยและลดริ้วรอย ฯลฯ
มีมุมให้ถ่ายรูปในสวนด้วยนะ มาที่นี่ได้ทั้งความรู้และรูปกลับไปแน่นอน
หลังจากเที่ยวชมสวนกันเสร็จแล้ว เราก็มาต่อกันที่ สิริสมปอง ฟาร์ม & คาเฟ่ คาเฟ่ของทางสวน บรรยากาศเย็นสบายเพราะตั้งอยู่ริมแม่น้ำแม่กลอง มีโซนที่นั่งทั้งอินดอร์ ติดแอร์เย็นฉ่ำ และโซนเอาท์ดอร์ริมแม่น้ำชิลล์ๆ ไฮไลท์ของร้านนี้จะอยู่ที่การใช้ผลมะม่วงหาวมะนาวโห่มาทำเป็นเครื่องดื่มและขนม เมนูแนะนำที่มาถึงแล้วต้องลองก็คือ มะนาวโห่สมูทตี้โยเกิร์ต รสชาติเปรี้ยวหวานของมะม่วงหาวมะนาวโห่ตัดกับรสชาติกลมกล่อมของโยเกิร์ต หอมมันและสดชื่นสุดๆ นอกจากนี้ยังมีเมนูขนมต่างๆ เช่น เครปเค้กมะนาวโห่ เยลลี่มะนาวโห่
ที่คาเฟ่สามารถใช้บัตรเครดิตจ่ายได้ด้วยนะ ทริปนี้เราเลยพกบัตรเครดิตท่องเที่ยว ธนาคารกรุงเทพมาด้วย นอกจากจะไม่ต้องพกเงินสดให้กระเป๋าตุงแล้ว ยังสามารถสะสมคะแนนบัตรเครดิตได้ คุ้มสุดๆ
ที่นั่งริมน้ำชิลล์ๆ มุมถ่ายรูปสุดเก๋ บอกเลยว่ามุมนี้ปังจริง
และกิจกรรมที่น่าสนใจยังไม่หมดแค่นี้ เพราะที่นี่เราจะมีกิจกรรม Workshop ทำผ้ามัดย้อมด้วยสีจากมะม่วงหาวมะนาวโห่กัน บอกเลยว่าทุกขั้นตอนทำได้ไม่ยาก มีทีมงานคอยช่วยเหลือและเตรียมอุปกรณ์มาให้เรียบร้อย สามารถเริ่มทำได้เลย เริ่มจากนำผ้าสีขาวมาพับเป็นสามเหลี่ยม แล้วม้วนจากปลายจนหมดผืน จากนั้นก็นำหนังยางมามัดเป็นปล้องให้แน่นๆ แอบกระซิบว่ายิ่งมัดแน่น ลายจะยิ่งออกมาสวยนะ
หลังจากมัดเสร็จแล้วก็นำไปต้มในสีมะม่วงหาวมะนาวโห่ได้เลย จากนั้นก็นำไปตากให้แห้ง
ได้เป็นผ้าเช็ดหน้าสีสันสวยงามและลายแปลกใหม่ ที่มีผืนเดียวบนโลก!
หลังจากพักผ่อนที่คาเฟ่ริมแม่น้ำ ชิมขนมและเครื่องดื่มกันเรียบร้อยแล้ว เราก็เดินทางมายังจุดหมายถัดไป เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงชุมชนที่บอกเลยว่า ถ้าไม่ได้มากับทริปนี้ เราอาจจะไม่รู้ว่าที่จังหวัดสมุทรสงครามมีสถานที่ที่น่าสนใจแบบนี้อยู่ด้วย ที่นี่ก็คือ บ้านริมคลองโฮมสเตย์ สถานที่ที่จะทำให้เราได้สัมผัสวิถีชีวิตของชุมชนริมคลองอย่างแท้จริง ที่สำคัญคือ ที่นี่ได้รับรางวัลมาตรฐานโฮมสเตย์และรางวัลอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย และเป็นชุมชนต้นแบบเศรษฐกิจพอเพียงอีกด้วย
ก่อนที่จะไปทำกิจกรรมอื่นๆ เราขอเติมพลังด้วยมื้อเที่ยงกันก่อน กับเมนูพื้นบ้านของจังหวัดสมุทรสงคราม ประกอบไปด้วย ยําใบชะคราม ทอดมันปลาอินทรีย์ ต้มยําปลาทู นํ้าพริกกะปิปลาทู ผัดผักรวม และไข่เจียวใบชะคราม ตบท้ายด้วยสับปะรด
ใบชะครามเก็บกันสดๆ จากสวนของโฮมสเตย์ สามารถนำมาประกอบอาหารได้เลย
ต้มยำปลาทูรสชาติเปรี้ยวถึงใจสุด
ทอดมันปลาอินทรีย์รสชาติกลมกล่อม
ปลาทูทอดกรอบ รสชาติมันอร่อยมาก
หลังจากอิ่มท้องกับมื้อเที่ยงแสนอร่อยแล้ว เราก็ไปต่อกันกับกิจกรรมต่อไปกันเลย นั่นก็คือ ชมการปาดดอกมะพร้าว ซึ่งเป็นหนึ่งในขั้นตอนการทำน้ำตาลดอกมะพร้าวนั่นเอง โดยพี่ๆ เขาจะสาธิตวิธีการปาดให้ดูกันแบบสดๆ เลย
เมื่อใช้มีดปาดตรงช่อดอกมะพร้าวแล้ว ก็รอให้น้ำหวานหยดลงมา
สามารถนำช้อนไปรอง แล้วชิมน้ำหวานสดๆ ฉ่ำๆ จากต้นได้เลย
ขอบอกเลยว่ากว่าน้ำหวานจะหยดลงมาแต่ละหยดนั้นใช้เวลามาก การทำน้ำตาลดอกมะพร้าวจึงเป็นกรรมวิธีที่พิถีพิถันและเป็นผลิตภัณฑ์ของชุมชนที่เต็มไปด้วยคุณค่ามากมาย
เมื่อชมวิธีการปาดดอกมะพร้าวเสร็จแล้ว ก็ไปชมกรรมวิธีทำน้ำตาลมะพร้าวกันต่อ
เคี่ยวน้ำตาลดอกมะพร้าวในกระทะร้อนๆ จากนั้นก็นำไปหยอดใส่หลุม
พี่ๆ เขาให้เราลองทำด้วยนะ มาถึงที่นี่แล้วต้องลองโชว์ลีลาในการเคี่ยวน้ำตาลดูสักครั้ง!
ปิดท้ายที่นี่ด้วยของหวานอย่างขนมต้มและน้ำตาลสด อิ่มทั้งท้องทั้งประสบการณ์ดีๆ ที่หาไม่ได้ทั่วไป
เที่ยวกันไป 2 ที่จนเริ่มเหนื่อย เราก็มาเช็คอินที่พักกันต่อที่ Holiday Inn Resort Vana Nava Hua Hin รีสอร์ทหัวหินติดทะเล ได้รับรางวัลมาตรฐาน SHA Extra Plus จากที่นี่สามารถมองเห็นวิวเขาตะเกียบได้ มีไฮไลท์คือ สวนน้ำระดับโลก Vana Nava อยู่บริเวณที่พัก รวมถึงมีสระว่ายน้ำแบบ Infinity Pool อยู่ชั้นที่ 26 เป็นสระว่ายน้ำที่สูงที่สุดในหัวหินเลย หลังจากพักผ่อนตามอัธยาศัยแล้ว เราจะไปดินเนอร์กันที่ห้องอาหารบนดาดฟ้า รับรองว่าเพลิดเพลินทั้งอาหารและวิวสวยๆ แน่นอน
Vana Nava Sky Bar ตั้งอยู่บนชั้น 27 เป็นบาร์บนดาดฟ้าที่สูงและสวยมาก มีโซนที่นั่งเอาท์ดอร์ให้รับลมชมวิวกันได้แบบเต็มๆ วันนี้เราทานมื้อเย็นเป็นแบบบุฟเฟ่ต์ สามารถเลือกตักได้ตามที่ต้องการ มีเมนูของคาวให้เลือกเป็นเมนูอาหารไทยทั่วไปที่รสชาติอร่อยและหลากหลาย เช่น เป็ดตุ๋นพะโล้ หมูอบน้ำผึ้งคะน้า ข้าวอบสับปะรด รวมถึงมีเมนูของหวานให้เลือกชิม อย่างลอดช่องแตงไทย สังขยาฟักทอง และขนมไทยต่างๆ
ไฮไลท์ของที่นี่อยู่ที่ จุดชมวิวลอยฟ้า (Sky Deck) เป็นระเบียงที่พื้นเป็นกระจกใส สูงจากพื้นดินมากกว่า 110 เมตร สามารถมองเห็นวิวได้ทั้งเขาตะเกียบ อ่าวหัวหิน และเขาเต่า เป็นที่ที่ควรมาเช็คอินสักครั้งเมื่อมาถึงหัวหิน ถ่ายรูปไปลงไปไอจีกันให้เต็มที่เลย ชมวิวยามค่ำคืน บรรยากาศสุดโรแมนติก เป็นการปิดท้ายวันแรกได้อย่างสวยงาม
นอกจากนี้ในการเข้าพักคืนแรก ผู้เข้าร่วมทริปยังได้รับของที่ระลึกซึ่งเป็นกระเป๋าผ้าโขมพัสตร์ เป็นกระเป๋าผ้าลวดลายสวยงาม ซึ่งพรุ่งนี้เราจะเดินทางไปเยี่ยมชมโรงงานของเขาแบบใกล้ชิดสุดๆ และยังได้รับชุดตะกร้าผลิตภัณฑ์จากบ้านริมคลองโฮมสเตย์ ที่เป็นผลิตภัณฑ์ชุมชนแท้ๆ ผลิตจากมะพร้าวจากสวน ประกอบไปด้วย น้ำหวานจากดอกมะพร้าวแท้ 100% น้ำตาลมะพร้าวอินทรีย์ และน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น 100% จัดมาในตะกร้าอย่างสวยงาม ทริปนี้ได้ของเต็มไม้เต็มมือกลับบ้านแน่นอน
หลังจากทานมื้อเช้ากันที่ที่พักเรียบร้อยแล้ว เราก็เริ่มต้นวันที่สองกันที่ โรงงานผ้าโขมพัสตร์ ผ้าโขมพัสตร์เป็นผลิตภัณฑ์ขึ้นชื่อของหัวหิน เนื่องจากเป็นร้านผ้าที่อยู่คู่หัวหินมานาน ตั้งแต่ปีพ.ศ.2491 ก่อตั้งโดยพลเอกพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบวรเดชและหม่อมเจ้าหญิงผจงรจิตร์ กฤดากร เริ่มจากโรงงานเล็กๆ และพัฒนามาเป็นสินค้าที่ใครมาหัวหินก็ต้องนึกถึง ซึ่งวันนี้บอกเลยว่าเอ็กซ์คลูซีฟสุด เพราะเราจะพาไปชมวิธีสกรีนลายลงผ้าโขมพัสตร์กันแบบใกล้ชิด สามารถสัมผัสประสบการณ์นี้ได้แค่ที่ทริปนี้เท่านั้น
วิธีสกรีนลายลงผ้า จะใช้บล็อกที่เจาะรูเป็นลายนั้นๆ แล้วใช้เครื่องสกรีนลงสีกดทับ เลื่อนไปข้างหน้าสลับกันสองฝั่ง ซึ่งความละเอียดของผ้าโขมพัสตร์อยู่ตรงวิธีสกรีนที่ต้องค่อยๆ สกรีนทีละสีเท่านั้น เป็นงานที่ต้องใช้ความตั้งใจและประณีตมากๆ เลย
มีผ้าให้เลือกหลายลาย ทั้งลายดั้งเดิมอย่างลายไทย หรือลายที่ทันสมัยก็มีให้เลือกนะ
หลังจากชมวิธีสกรีนผ้ากันไปแล้ว เราก็ไปช้อปปิ้งเลือกซื้อผ้าโขมพัสตร์กันต่อ โดยในร้านจะมีสินค้าที่ทำจากผ้าโขมพัสตร์ให้เลือกหลากหลาย ทั้งกระเป๋าใบเล็กไปจนถึงกระเป๋าสะพายใบใหญ่ เสื้อผ้าทั้งไซส์เด็กและไซส์ผู้ใหญ่ หมวก ผ้าพันคอ และอื่นๆ อีกมากมาย
แถมในทริปนี้ สมาชิกบัตรเครดิตท่องเที่ยว ธนาคารกรุงเทพ ยังได้ส่วนลดพิเศษ 10% ด้วยนะ
เดินช้อปปิ้งกันจนท้องเริ่มร้อง ก็ได้เวลาทานมื้อเที่ยง ซึ่งวันนี้เราปักหมุดกันไปต่อที่ Oceanside Beach Club & Restaurant ร้านอาหารริมทะเลสุดหรู โลเคชั่นปังสุดเพราะสามารถเดินลงชายหาดได้เลยจากร้าน แต่ไฮไลท์ของวันนี้ไม่ได้ที่อยู่ที่โลเคชั่นร้านอย่างเดียว เพราะว่าเมนูของเราวันนี้รังสรรค์จากเชฟมากฝีมืออย่าง เชฟแพร์ ณัชชา ตันอนุชิตติกุล การันตีด้วยการเป็นผู้เข้าแข่งขันหญิงเพียงคนเดียวที่เข้าร่วมในรายการ The Team Chef ปี 2561 ซึ่งเป็นรายการแข่งทําอาหารระหว่างทีมเชฟจากไทยและเกาหลีใต้ รวมถึงจบการศึกษาทั้งอาหารคาวและหวานมาจาก Le Cordon Bleu
เมนูจะเสิร์ฟเป็นคอร์สทีละจาน มาในคอนเซ็ปต์ Love from The Ocean เป็นเมนูอาหารที่ผสมผสานความเป็นตะวันตกและความเป็นไทย มีไฮไลท์คือวัตถุดิบที่เลือกใช้เป็นวัตถุดิบท่องถิ่นที่มาจากอำเภอต่างๆ ในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เช่น มะพร้าวพันธุ์นกคุ่ม จากอำเภอทับสะแก ปลาแดดเดียวและปลาเค็ม จากอำเภอสะพานบางน้อย หมึกดำ จากอำเภอปากน้ำปราณ
อิ่มท้องกันแล้ว ก็มาเช็คอินกันต่อเลยที่ บ้านศิลปินหัวหิน ที่นี่เป็นศูนย์รวมศิลปกรรม ที่อยู่ภายใต้การดูแลของอาจารย์ทวี เกษางาม มีทั้งโซนเวิร์คช็อป โซนพิพิธภัณฑ์ และยังมีตลาดเล็กๆ ให้ซื้อของด้วย ซึ่งวันนี้มีกิจกรรมสนุกๆ รอเราอยู่ ก็คือกิจกรรม Eco Print พิมพ์ลายใบไม้ลงบนผ้า ที่บอกเลยว่าทำไม่ยากแน่นอน
เริ่มจากเอาใบไม้สีสันและลวดลายต่างๆ มาวางลงบนผ้าขาวพับครึ่ง จากนั้นก็พันผ้าด้วยพลาสติก ก่อนนำไปนึ่ง สีที่พิมพ์ลงบนผ้าจะเป็นสีที่มาจากใบไม้นั่นเอง ซึ่งใบไม้คนละแบบก็จะได้สีที่ต่างกันด้วยนะ นอกจากจะได้ผ้าคลุมลายสวยๆ กลับบ้านแล้ว ยังได้รู้จักเพื่อนใหม่มากมาย เพราะเป็นกิจกรรมที่ทุกคนต้องช่วยกันทำ
หลังจากเสร็จกิจกรรมเวิร์คช็อป ก็ไปเดินเล่นชิลล์ๆ กันต่อในพิพิธภัณฑ์กัน มีงานศิลปะมากมายที่ทรงคุณค่าให้ชม
หลังจากเสร็จกิจกรรมทั้งหมดแล้ว เราก็ไปเช็คอินกันต่อที่ VALA Hua Hin ซึ่งจะเป็นที่พักของเราในคืนนี้ เป็นที่พักติดริมทะเล ตั้งอยู่ระหว่างหาดชะอำ – หัวหิน เป็นที่พักดีไซน์สวย สามารถถ่ายรูปรอบที่พักได้ทุกมุม มีไฮไลท์เป็นสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ตั้งอยู่กลางที่พัก เราจะพักผ่อนเก็บแรงเอาไว้สำหรับกิจกรรมในค่ำคืนนี้
และกิจกรรมที่รอคอยก็มาถึง นั่นก็คือปาร์ตี้ยามค่ำคืนซึ่งมาในธีมโบฮีเมียน บอกเลยว่าทุกคนแต่งตัวกันมาอย่างจัดเต็ม ไม่มีใครยอมแพ้ใครเลย นอกจากจะเพลิดเพลินกับอาหารบุฟเฟ่ต์ที่มีให้เลือกหลากหลายแล้ว ยังมีมินิคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดังอย่าง คุณอะตอม ชนกันต์ ที่มาสร้างความสนุกสนานให้กับพวกเราทุกคนในงาน
ปิดท้ายวันนี้ไปด้วยความสนุกสนานของผู้ร่วมทริปทุกคน
ทานมื้อเช้าและเช็คเอาท์ที่พักกันเรียบร้อย วันสุดท้ายของทริป เราเริ่มต้นกันที่สวนตาลลุงถนอม โดยจังหวัดเพชรบุรีนั้นเป็นจังหวัดที่นิยมปลูกต้นตาลและมีผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากต้นตาลมากมาย เช่น น้ำตาล ของหวาน เครื่องดื่ม ซึ่งสวนตาลลุงถนอมก็เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ที่จะพาเราเรียนรู้วิถีชาวสวน ตั้งแต่การเพาะพันธุ์ เก็บผลผลิต และแปรรูป เป็นประสบการณ์ที่ล้ำค่ามากจริงๆ
สาธิตวิธีการปีนต้นตาลให้ดูกันแบบสดๆ
เวิร์คช็อปวิธีทำขนมตาล ลองหยอดขนมเองได้เลย
ที่สวนมีมุมถ่ายรูปให้เลือกเยอะมาก ถึงแม้จะเป็นหน้าร้อน แต่อากาศที่สวนก็เย็นสบาย เพราะมีต้นตาลสูงๆ คอยบังแดด
หลังจากเสร็จกิจกรรมทั้งหมดแล้ว เราก็จะทานมื้อเที่ยงกันที่นี่ ทางสวนตาลลุงถนอมได้เตรียมอาหารมื้อพิเศษไว้ให้พวกเรา ก็จะมีแกงหัวตาล ไก่ทอดเกลือ และผัดผักรวม แล้วก็มีของหวานปิดท้ายเป็นลูกตาลลอยแก้ว ใช้วัตถุดิบเป็นลูกตาลจากสวนเลย
นอกจากนี้ยังสามารถซื้อของฝากจากที่สวนได้ มีทั้งน้ำตาลสด ผลไม้ ขนมตาล และอื่นๆ อีกมากมาย สามารถชอปปิ้งได้ตามใจชอบเลย
และในที่สุดก็เดินทางมาถึงจุดหมายสุดท้ายของเราในทริปนี้ นั่นก็คือ บ้านขนมนันทวัน เป็นร้านซื้อของฝากขนาดใหญ่ เปิดมากว่า 20 ปี มีขนมให้เลือกซื้อมากมาย ทั้งขนมขึ้นชื่อของเมืองเพชรและขนมที่รวบรวมมาจากแหล่งอื่นๆ และรับรองได้เลยว่าขนมของที่นี่ไม่ใช้สารกันบูดแน่นอน เหมาะกับการซื้อกลับเป็นของฝากมากๆ
บอกเลยว่าทริปนี้ ถึงแม้จะใช้เวลาแค่ 3 วัน 2 คืน แต่ก็เต็มอิ่มกับประสบการณ์ที่ได้รับ รวมถึงได้ไปในสถานที่ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของชุมชน ที่รับรองเลยว่าไม่อาจสัมผัสได้ที่ไหนนอกจากในทริปนี้ แถมยังได้มิตรภาพดีๆ จากเพื่อนร่วมทริป ซึ่งทริปนี้เป็นสิทธิพิเศษที่มอบให้ Top Spenders ของบัตรเครดิตท่องเที่ยว ธนาคารกรุงเทพเท่านั้น บอกเลยว่าบัตรนี้มีสิทธิพิเศษมากมาย และเพียงแค่ใช้จ่ายผ่านบัตรตามเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนด ไม่ว่าจะเป็นการใช้จ่ายผ่านบัตรอย่างสม่ำเสมอ หรือมียอดใช้จ่ายสะสมสูงสุดในแต่ละปี ก็มีโอกาสได้รับสิทธิเข้าร่วมกิจกรรมดีๆ แบบนี้ได้เลย
เป็นยังไงกันบ้างกับ ทริป 3 วัน 2 คืน ประจวบคีรีขันธ์ – เพชรบุรี เที่ยวครบทุกสไตล์ ครั้งหนึ่งในชีวิตต้องไปลอง!! เป็นทริปที่คุ้มค่าสุดๆ ไปเลยใช่ไหม ถ้าใครมองหาที่เที่ยวอื่นๆ ในหัวหิน ก็ขอแนะนำ 15 ร้านอาหาร คาเฟ่ ริมทะเลหัวหิน บรรยากาศชิลล์วิวสุดปัง! หรือใครมองหาที่พักหัวหินอยู่ ก็ขอแนะนำ 5 ที่พักหัวหินมีสระว่ายน้ำริมทะเลวิวฉ่ำ ว่ายน้ำแล้วเดินลงทะเลได้เลย!