วันเดียวเที่ยวเยาวราช งบ 500 เอาอยู่! คนชงๆ ต้องมามูให้ได้
9,308 ครั้ง
20 ม.ค. 2566
9,308 ครั้ง
20 ม.ค. 2566
เยาวราช ถนนสายท่องเที่ยวสุดขึ้นชื่อของไทยที่ไม่ว่านักท่องเที่ยวหรือคนไทยต่างก็แวะเวียนเข้าไปใช้เวลาเที่ยวกันอยู่เสมอๆ โดยเฉพาะในช่วงเวลาของเทศกาลตรุษจีน บรรยากาศก็จะสุดคึกคักเป็นอย่างมาก อีกทั้งในแต่ละปีก็จะมีคนที่ดวงชงเข้าไปไหว้พระแก้ชง รวมทั้งขอพรกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่กระจายอยู่ทั่วทั้งย่านเยาวราช ในวันนี้ทริปเก็ทเตอร์จะพาไปวันเดียวเที่ยวเยาวราช งบ 500 เอาอยู่! คนชงๆ ต้องมามูให้ได้ ที่ทั้งเก็บครบ แถมยังประหยัดทั้งค่าใช้จ่ายอีกด้วย
ทริปนี้เราเดินทางไปเยาวราชด้วยรถไฟฟ้า MRT แล้วมาขึ้นที่สถานีหัวลำโพง ออกทางออกที่ 1 พอขึ้นมาจากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน เราก็เจอมุมถ่ายรูปเก๋ๆ เลย อดใจไม่ไหว ถ่ายรูปเช็คอินเปิดทริปก่อนสักหนึ่ง
ได้รูปสวยๆ พอกรุบกริบแล้ว ท้องก็ร้องอยากกินอะไรอร่อยๆ ชาวเราไม่รอช้าพุ่งตรงไปที่ร้านอร่อยในตำนานอย่างร้านสีมรกต หรือที่รู้จักกันในชื่อของร้านข้าวหมูแดงสีมรกต ร้านอาหารรสชาติต้นตำรับ การันตีความอร่อยด้วยระยะเวลาที่เปิดมาอย่างยาวนานกว่า 70 ปี ซึ่งร้านจะตั้งอยู่ในซอยสุกร 1 ปากซอยจะอยู่เยื้องกับวัดไตรมิตร
ความโดดเด่นของร้านอยู่ที่กรรมวิธีการทำหมูแดงและหมูกรอบ ซึ่งจะเลือกใช้เนื้อสัน แล้วนำมาย่างด้วยเตาถ่านเพื่อเพิ่มความหอมและรสสัมผัสที่นุ่ม จากนั่นก็จะหั่นเป็นชิ้นใหญ่พอดีคำ บอกเลยว่าแค่อยู่หน้าร้านกลิ่นก็หอมโชยมาแล้ว แถมลูกค้ายังเข้ามาเรื่อยๆ แบบไม่พักอีกต่างหาก
เลือกที่นั่งได้แล้ว จะรออะไร ก็สั่งไปเลยข้าวหมูแดงหมูกรอบ ใส่กุนเชียงและไข่ต้มจุกๆ แอบกระซิบเลยว่าถูกมาก จานละ 65 บาทเท่านั้น! ส่วนน้ำก็จะเป็นน้ำชา สามารถขอน้ำแข็งเปล่าได้เลย 2 บาทเท่านั้น
เติมพลังแล้ว อย่ารอช้าไปลุยเติมพลังใจ เติมความมูกันต่อ ซึ่งเดินมาทางวัดไตรมิตร ผ่านซุ้มประตูวัฒนธรรมไทย – จีน เราก็จะถึงถนนเยาวราช ที่คึกคักและเป็นแหล่งรวมร้านอาหาร รวมทั้งศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์เพียบ
สถานที่แรกของการมูในทริปนี้ก็คือศาลเจ้าแม่กวนอิม โรงพยาบาลเทียนฟ้ามูลนิธิ สถานที่ประดิษฐานของเจ้าแม่กวนอิม พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ปางประทานพร ซึ่งเจ้าแม่กวนอิมองค์นี้เป็นไม้แกะสลักทั้งองค์ รูปแบบศิลปกรรมสมัยราชวงศ์ถัง ที่สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นเมื่อ 800 – 900 ปีมาแล้ว
การไหว้ขอพรศาลเจ้าแห่งนี้ไม่ยาก เพราะด้านหน้าของศาลเจ้าจะมีจุดจำหน่ายชุดไหว้ และหน้าวิหารก็จะมีธูป รวมทั้งคำอธิบายแนะนำการไหว้ทั้งหมด ซึ่งจะมีจุดไหว้ทั้งหมด 3 จุด และใช้ธูป 15 ดอก
จุดธูปเรียบร้อยแล้ว ก็เริ่มไหว้ได้เลย จุดแรก คือศาลที่กง จะเป็นการไหว้ฟ้าดิน ใช้ธูป 5 ดอก ใช้ธูป 3 ดอก
จุดที่ 2 คือการไหว้เจ้าแม่กวนอิม ไฉ่ซิ้งเอี๊ยะ ฮั่วท้อเซียงซือ
จุดที่ 3 คือศาลแป๊ะ – กง – ม่า ไท่ส่วยเอี๊ยะ เอียะอ๊วงเซียงซือ และ ใช้ธูปทั้งหมด 7 ดอก
ไหว้ตามจุดทั้ง 3 เรียบร้อย เราก็เข้ามาในวิหารเพื่อมาขอพรกับเจ้าแม่กวนอิมกันอีกสักครั้ง โดยเชื่อกันว่าเจ้าแม่กวนอิมคือพระโพธิสัตว์แห่งความเมตตา อีกทั้งศาลเจ้าแม่กวนอิมแห่งนี้ยังขึ้นชื่อในเรื่องของความศักดิ์สิทธิ์ในด้านสุขภาพ จึงมีผู้คนจำนวนมากมากราบสักการะขอพรให้หายป่วย ปราศจากโรคภัยกันเป็ยจำนวนมาก
นอกจากองค์เจ้าแม่กวนอิมที่มีความสวยงาม ประณีตแล้ว รอบๆ วิหารยังมีภาพจิตรกรรมศิลปะแบบพุทธศิลป์จีนให้ได้ชมกันอีกด้วย
บอกเลยว่าในช่วงตรุษจีน ถนนเยาวราชตลอดทั้งสายก็จะตกแต่ง ประดับประดาโคมตรุษจีน รวมทั้งเต็มไปด้วยสีสันของการเฉลิมฉลองและความขลังแบบสุดๆ สวยขนาดนี้ จะพลาดโพสท่าสวยๆ ไปได้ไง
เดินเล่น กินบรรยากาศของย่านเยาวราชกันมาเรื่อยๆ ได้ไม่นาน เราก็มาถึงสถานที่ที่ 2 นั่นก็คือศาลเจ้าแม่ประดู่ ศาลเจ้าเก่าแก่ที่มีอายุนับ 170 ปี และขึ้นชื่อในเรื่องของการขอพรเรื่องความรัก รวมทั้งเรื่องการขอบุตรด้วย ซึ่งศาลเจ้าจะตั้งอยู่ในตรอกเล็กๆ ทางเข้าตรอกก็จะมีป้ายใหญ่ๆ บอกเอาไว้อย่างชัดเจน ไม่ต้องกลัวหลงเลย
เมื่อเดินเข้ามาในตรอกเรื่อยๆ จะเจอศาลเจ้าอยู่ด้านซ้ายมือ พอเข้าไปปุ๊บก็จะมีเจ้าหน้าที่เอาธูปเทียนมาให้เรา ชุดละ 30 บาทเท่านั้น ได้ธูป 45 ดอก และเทียนสีแดง 1 คู่ พร้อมกับอธิบายการไหว้ จากนั้นก็เริ่มไหว้ตามจุดต่างๆ ได้เลย บรรยากาศภายในศาลเจ้าแม่ประดู่สงบ เย็น และสัมผัสได้ถึงความขลังแบบสุดๆ ไปเลย
ไหว้ศาลเจ้าแม่ประดู่เสร็จ เราก็เดินลัดเลาะมาเรื่อยๆ ที่ถนนแปลงนาม เพื่อจะมาลิ้มรสความอร่อยสุดร่ำลือของขนมจีบแป๊ะเซียะ ร้านขนมจีบรถเข็นในตำนาน ซึ่งจะตั้งขายอยู่หน้าวัดมงคลสมาคม พอเดินมาถึงก็รู้ได้ทันทีเลยว่าคือร้านของอาแป๊ะเซี๊ยะจริงๆ เพราะคนต่อคิวยาวมาก! ต่อคิวได้สักพักก็อกหักดังเปร๊าะ เพราะอาแป๊ะเซี๊ยะบอกว่าขนมจีบน่าจะมีไม่พอแล้ว เสียใจสุดๆ แนะนำว่าถ้าใครอยากชิม อาจจะต้องมาเร็วๆ หน่อยนะ
ทำใจแล้วเดินต่อไป เดินมาเรื่อยๆ จนเจอถนนเจริญกรุง ด้านตรงข้ามกับสถานีรถไฟฟ้า MRT วัดมังกรฯ เราก็เจอร้านเด็ดฮีลใจแล้ว นั่นก็คือ ร้านก๋วยเตี๋ยวหลอดเจ๊เอ็ง ร้านก๋วยเตี๋ยวหลอดโบราณ ตั้งอยู่ด้านหน้าของศาลเจ้ากวางตุ้ง ตัวร้านจะเป็นรถเข็นเล็กๆ พร้อมกับโต๊ะเก้าอี้ที่นั่งด้านข้าง
มาทั้งทีจัดไปเลยก๋วยเตี๋ยวหลอดร้อนๆ มีทั้งเส้นก๋วยเตี๋ยวนุ่มหนึบ จัดเต็มเครื่องอย่างไชโป้ว เต้าหู้ กุ้งแห้ง ถั่วงอก กระเทียม กากหมูเจียว ต้นหอม ราดด้วยน้ำซอสรสเด็ด เสิร์ฟมาพร้อมกับทอดมันร้อนๆ บอกเลยว่าอร่อยมาก สมคำร่ำลือ! ชุดละ 35 บาทเท่านั้นเอง
พักกินของอร่อยเรียบร้อย ก็ไปลุยทำภารกิจหลักของเรากันต่อที่วัดมังกรกมลาวาส หรือวัดเล่งเน่ยยี่ สถานที่แก้ชงยอดฮิตของกรุงเทพฯ อีกทั้งยังเป็นวัดเก่าแก่ที่มีอายุนับร้อยปี งดงามด้วยศิลปะแบบจีนแต้จิ๋ว อีกทั้งยังเป็นจุดหมายปลายทางของคนจำนวนมากเมื่อมาย่านเยาวราช
ภารกิจหลักของเราในวันนี้ก็คือการไหว้แก้ชง เมื่อเดินมาถึงประตูทางเข้าวัดก็จะพบกับร้านจำหน่ายชุดไหว้แก้ชง ชุดละ 120 บาทเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีชุดไหว้ขอพรทั่วไปสำหรับผู้ที่มาไหว้ขอพรปกติอีกด้วย
พอได้ชุดไหว้แก้ชงแล้ว ก็เดินเข้ามาในวัดได้เลย ซึ่งในช่วงนี้ทางวัดกำลังก่อสร้าง แต่ก็จะมีเส้นทางการเดินสำหรับคนที่มาแก้ชงเป็นลูกศรสีเหลือง ให้เดินตามนั้นไปได้เลย
พอเข้ามาในส่วนของวิหารวัดก็จะพบกับจุดจำหน่ายกระดาษเทียบแดง หรือกระดาษที่ใช้ปัดเคราะห์ ชุดละ 100 บาท จากนั้นก็เดินตามลูกศรมาที่โต๊ะด้านข้างได้เลย เขียนวัน เดือน ปีเกิด เวลาเกิด หรือถ้าใครจำเวลาไม่ได้ก็เขียนคำว่า ดี ลงไปแทน รวมทั้งเขียนอายุตามปฏิทินแบบจีนด้วย หรือถ้าใครกลัวเขียนไม่ถูก ทางวัดจะมีคำอธิบายแบบละเอียดไว้ให้ดูด้วย
ได้ครบทั้งของไหว้และกระดาาเทียบแดงแล้ว ก็เข้ามาจุดทำพิธีกัน ซึ่งจะเป็นจุดที่ประดิษฐานของเหล่าองค์เทพ การไหว้แก้ชงเริ่มจากการหยิบถาดที่อยู่ด้านข้างของจุดไหว้ จากนั้นก็นำของไหว้และกระดาษเทียบแดงจัดเรียงลงบนถาด เมื่อเรียบร้อยแล้วก็นำมาอธิษฐานพร้อมกับอ่านคำกล่าวในกระดาษเทียบแดง (การยืนไหว้พยายามอย่าเดินตัดหน้า หรือยืนซ้อนหน้าคนอื่นๆ ที่กำลังทำพิธีอยู่ เพราะเชื่อกันว่าจะได้รับเคราะห์จากคนอื่นมาแทน) เมื่อเสร็จแล้วก็นำของไหว้ไปวางไว้ที่หน้าองค์เทพได้เลย จากนั้นกลับมายืนจุดเดิม แล้วก็เริ่มปัดเคราะห์ได้เลย ปัดจากหัวถึงเท้า ปัดลงให้ถึงพื้นไปเลย เพราะเชื่อว่าพระแม่ธรณีจะมารับเคราะห์ของเราไป ในปีนี้เราจะปัดทั้งหมด 13 ครั้ง เมื่อครบแล้วก็เอากระดาษเทียบแดงไปให้พนักงานด้านข้างองค์เทพได้เลย เป็นอันเสร็จพิธี
เสริมความเป็นสิริมงคลกันต่อด้วยการไหว้ขอพรองค์พระประธานของวัด ได้แก่พระโคตมพุทธเจ้า พระอมิตาภพุทธะ และพระไภษัชยคุรุพุทธะ
นอกจากนี้ช่วงตรุษจีน บรรยากาศภายในวัดก็จะสวยงาม รวมทั้งมีการประดับตกแต่งโคมไฟสีแดง บอกเลยว่าถ่ายรูปสวยสุดๆ
ก่อนกลับเราแวะมาชิมลอดช่องสิงคโปร์เจ้าดังในตำนานอย่าง ร้านลอดช่องสิงคโปร์ แยกหมอมี ร้านเก่าแก่ที่การันตีความอร่อยกลมกล่อมด้วยระยะเวลาที่เปิดมานานกว่า 70 ปี ถือเป็นอีกหนึ่งร้านที่ต้องแวะมาลองชิมให้ได้เมื่อมาถึงย่านเยาวราช
ลอดช่องสิงคโปร์ของร้านนี้ทั้งนุ่ม หนึบ แถมยังหอม น้ำกะทินอกจากจะมีกลิ่นหอมเฉพาะแล้ว ยังหวานกำลังดีอีกด้วย เพิ่มความอร่อยด้วยเนื้อขนุนที่สุกงอม บอกเลยว่าเป็น 30 บาทที่คุ้มค่า คุ้มราคามากๆ
ทั้งหมดนี้ก็คือ วันเดียวเที่ยวเยาวราช งบ 500 เอาอยู่! คนชงๆ ต้องมามูให้ได้ ที่บอกเลยว่าวันนี้วันเดียวได้มูและขอพรครบทั้งด้านสุขภาพ ความรัก การงาน แถมยังได้แก้ชงอีกด้วย เต็มอิ่มการมูแบบจุกๆ เท่านั้นยบังบไม่พอยังได้ตะลุยเช็คอินกินของอร่อยกับร้านในตำนานของย่านเยาวราช ถ้าเพื่อนๆ คนไหน อยากไปเที่ยวเยาวราชแต่กังวลเรื่องงบอยู่ล่ะก็ ลองเ๙ฟแพลนของเราในทริปนี้เก็บไว้ได้เลย
ค่าใช้จ่ายตลอดทริปวันเดียวเที่ยวเยาวราช งบ 500 เอาอยู่! คนชงๆ ต้องมามูให้ได้
-ค่ารถไฟฟ้า MRT ไป – กลับ (สวนจตุจักร – หัวลำโพง) 86 บาท
-ค่าอาหารร้านสีมรกต 67 บาท
-ค่าธูปเทียนศาลเจ้าแม่ประดู่ 30 บาท
-ค่าก๋วยเตี๋ยวหลอดเจ๊เอ็ง 35 บาท
-ค่าชุดของไหว้แก้ชงและกระดาษเทียบแดง 220 บาท
-ค่าลอดช่องสิงคโปร์ 30 บาท
รวมค่าใช้จ่ายตลอดทริป 468 บาท
**ราคาไม่รวมค่าบริจาคต่างๆ
เป็นอย่างไรกันบ้างกับทริปวันเดียวเที่ยวเยาวราช งบ 500 เอาอยู่! คนชงๆ ต้องมามูให้ได้ ปีนี้ใครชงก็ตามไปมูไปเที่ยวกันได้เลย ไหนๆ ก็มาแนวจีนแล้ว ลองไปเที่ยวกันต่อกับ เดินเที่ยวสำเพ็งงบ 1,000 บาท พากินของอร่อย ช้อปของตกแต่งคริสต์มาส และ One Day Trip | เที่ยวเกาะรัตนโกสินทร์ เช็คอิน 5 ท่าเรือ