ทริปใสใสเกาะกูด 3 วัน 2 คืน ชีวิตดีแบบจัดเต็ม บนเกาะสวยหาดสวรรค์ทะเลตะวันออก
249,792 ครั้ง
12 เม.ย. 2562
249,792 ครั้ง
12 เม.ย. 2562
สวัสดีครับท่ามผู้ชมขอต้องรับสู้ไอส์แลนด์~ เข้าสู่หน้าร้อนบรรยากาศสุดซัมเมอร์แบบนี้ ก็คงไม่มีที่ไหนอะไรจะดีไปกว่า การที่เราได้หลีกกายปล่อยใจมาพักผ่อนกันที่ทะเลอีกแล้ว ซึ่งทริปนี้เราจะพาไปตะลอนทัวร์กันที่เกาะกูด จังหวัดตราด เกาะสวยหาดสวรรค์แห่งทะเลตะวันออก ที่เหมาะแก่การมาพักผ่อนมากที่สุดในเวลานี้กับ ทริปใสใสเกาะกูด 3 วัน 2 คืน ให้ทุกคนได้มาทดลองติดเกาะ ชีวิตดีแบบจัดเต็ม กิน เที่ยว พักผ่อน ไม่พลาดทุกความสุข…
สำหรับทริปนี้เราเดินทางกันด้วยรถทัวร์ของบริษัท บุญศิริเรือเร็ว ซึ่งเป็นบริษัทเดินทางเจ้าเดียวกับเรือที่เราจะข้ามไปยังเกาะกูด สามารถจองตั๋วทั้งรถทัวร์และเรือข้ามฝั่งทั้งไปและกลับได้ในที่เดียว ออกสตาร์ทกันที่ถนนข้าวสารในรอบเช้ามืดเวลา ตี 5
จากกรุงเทพเราใช้เวลาเดินทางราว 5 ชั่วโมง ซึ่งรถจะพามาส่งบริเวณล็อบบี้ใกล้ท่าเรือแหลมศอก เพื่อให้เช็คอินเพื่อขึ้นเรือและทำภารกิจต่างๆ และพานั่งรถพวงไปยังท่าเรือ ซึ่งเรือจากตราดข้ามไปยังเกาะกูด จะมีวันละ 2 รอบคือ 10.45 และ 14.20 น. ราคารวมรถทัวร์และเรือข้ามฟาก 900 บาท สามารถเช็คเวลาเดินเรือและจองตั๋วได้ที่ www.boonsiriferry.com และเบอร์โทร 094 724 4555
เรือที่เราใช้ข้ามไปยังเกาะกูดเป็นเรือเฟอร์รี่ ที่ด้านในจะแบ่งออกเป็น 3 ชั้น ที่ชั้นล่างเป็นห้องแอร์ และชั้นสองเป็นเป็นมุมโอเพ่นรับลมจากธรรมชาติ
ส่วนชั้นที่สามเป็นดาดฟ้า ที่เหมาะแก่การแวะขึ้นมาถ่ายรูปในเวลาสั้นๆ เพราะแดดค่อนข้างแรง นั่งกันแบบเพลินๆ แลนดิ้งที่ท่าเทียบเรืออ่าวสลัดในช่วงเที่ยงพอดี ใช้เวลาราว 1 ชั่วโมง
ถึงบนฝั่งจะมีรถรับส่งพาไปยังที่พักต่างๆ ซึ่งการเดินทางบนเกาะส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจะใช้มอเตอร์ไซต์ และรถแท็กซี่บนเกาะ ซึ่งทริปนี้เราจะเน้นเดินทางด้วยแท็กซี่ของ พี่ป้อง ซึ่งจะพาเราไปทุกที่ แถมยังนั่งได้ถึง 10 คน ส่วนราคาและรายละเอียดสามารถสอบถามได้ที่เบอร์ 082 215 3711 / LINE ID pongkohkood7171 / เฟซบุ๊ค Pong Taxi services
กู๊ดวิว คาเฟ่ เป็นร้านเล็กๆ บนโลเคชั่นสุดฟินบนหน้าผา ที่จากด้านบนจะมองเห็นทะเลน้ำใส แถมอยู่ไม่ไกลจากหาดคลองเจ้า ส่วนมุมนั่งจะเป็นแบบโอเพ่นรับลม ซึ่งช่วงเย็นจะมีแสงอาทิตย์มากระทบน้ำ เป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งบนเกาะ
ด้านเมนูที่บอกเลยว่ามีครบทั้งคาว หวาน เครื่องดื่ม ทั้งสไตล์ไทยและนานาชาติ ที่ส่วนใหญ่จะเน้นเมนูซีฟู้ด ซึ่งเที่ยงนี้เราสั่งแบบจัดนักจัดเต็มให้รางวัลกับตัวเอง ส่วนเมนูแนะนำขอยกให้ ปูม้าผัดผงกะหรี่จานโตเนื้อแน่น ในราคา 400 บาท และปลากะพงนึ่งมะนาว ที่เสริฟแบบหม้อไฟแซ่บเข้ากับบรรยากาศ สนนราคาอยู่ที่ 480 บาท
ด้านเครื่องดื่มก็ไม่น้อยหน้า มีทั้ง ชา กาแฟ แต่ถ้ามาทะเลทั้งทีก็ต้องสดชื่นด้วยสมูตตี้ผลไม้ แถมยังมีเค้กและวาฟเฟิลให้เติมความหวานราคาเริ่มต้นเพียง 60 บาทเท่านั้น ไม่อยากจะเชื่อว่าคือราคาบนเกาะ กู๊ดวิว คาเฟ่เปิดบริการทุกวัน 7.00 – 22.00 น. เบอร์โทรศัพท์ 081 621 9474, 097 083 6135
จากนั้นเราเช็คอินเข้าที่พักสำหรับคืนแรกกันที่ The Beach Natural ที่พักสวยกลางธรรมชาติ ที่โดดเด่นในเรื่องความสงบและเป็นส่วนตัวบนโลเคชั่นหาดบางเบ้า
ที่นี่ให้ฟีลลิ่งเหมือนหมู่บ้านเล็กๆ ดูอบอุ่นปลอดภัย และผ่อนคลายด้วยสไตล์แบบโมเดิร์นบาลีมิส ส่วนห้องพักที่เรานอนกันในคืนนี้จะอยู่ในโซน The Sense มีชื่อว่าห้อง Wood เป็นวิลล่าหลังใหญ่ที่มาพร้อมสเปซกว้างแบบส่วนตัว
ภายในตกแต่งดูโมเดิร์น สบายตาด้วยสีสันและเฟอร์นิเจอร์จากธรรมชาติ ส่วนมุมห้องน้ำบอกเลยว่าประทับใจสุดๆ แบ่งออกเป็น 2 ห้อง สำหรับขับถ่ายและอาบน้ำ หรือว่าใครอยากแช่อ่างฟินๆ ก็มีอ่างแบบเอาท์ดอร์ให้ชิลล์
ถึงแม้บรรยากาศจะชิลล์แต่ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะเบื่อ มีกิจกรรมให้ผ่อนคลายตลอดทั้งวัน ทั้งร้านอาหาร พายเรือ และดำน้ำซึ่งที่นี่สามารถดำดูปลาได้จากหน้าที่พัก แถมยังมีสะพานไม้ทอดยาวไปกลางทะเลให้ถ่ายรูปกัน แถมยังมีแสงอาทิตย์ลับขอบฟ้าสุดโรแมนติกให้ชมถึงที่
บรรยากาศชิลล์สุดๆ
ส่วนมื้อเย็นเราเลือกฝากท้องที่ ครัวสีฟ้า บริเวณหาดตะเภา ซึ่งอยู่ห่างจากที่พักขึ้นไป 8 กิโลเมตร
ร้านนี้ตั้งอยู่ในบริเวณ สีฟ้า รีสอร์ท ซึ่งนอกจากบริการห้องพักแล้ว ยังเปิดร้านอาหารให้ทุกคนได้เข้ามาชิมฝีมือรสชาติแบบต้นตำรับเกาะกูด ส่วนตัวร้านเป็นกระโจมขนาดใหญ่และมีที่นั่งให้เลือกทั้งอินดอร์และเอาท์ดอร์
ด้านเมนูอร่อยจะเน้นเป็นอาหารไทยและเมนูซีฟู้ด ที่เรื่องความสดและอร่อยการันตีด้วยนักท่องเที่ยวมากมายตลอดทั้งวัน และจานเด็ดซิกเนเจอร์ที่มาแล้วพลาดไม่ได้ก็คือ ข้าวผัดสับปะรด และกุ้งซอสมะขาม ที่พอกินคู่กันแล้ว อร่อยลงตัว แถมราคายังสบายกระเป๋าเพียง 220 และ 350 บาท
ครัวสีฟ้าเปิดบริการทุกวัน 10.00 – 22.00 น. เบอร์โทรศัพท์ 084 933 1206
ตื่นเช้ามาสูดอากาศดีๆ กับโอโซนและไอทะเลพร้อมชิมมื้อเช้า อาหารที่นี่ถือว่าประทับใจเป็นอย่างมาก เพราะมีทั้งสไตล์ไทย อินเตอร์ที่ทุกอย่างใช้วัตถุดิชั้นดี ใส่ใจในทุกรายละเอียด และเช็คเอาท์ออกจากที่พักในช่วงสายๆ ราว 11 โมง
เราพร้อมตะลุยกับที่เที่ยวบนเกาะกูด ซึ่งบนเกาะกูดก็มีจุดเช็คอินให้ชิลล์กันเพียบ ทั้งหาดทราย อ่าวทะเลน้อยใหญ่ รวมถึงน้ำตกสวยอย่าง น้ำตกคลองเจ้า และ น้ำตกห้วงน้ำเขียว แต่ชาวบ้านบอกว่าช่วงหน้าร้อนน้ำจะน้อยมาก เราเลยเปลี่ยนเส้นทางไปชมความอันซีนที่อื่นกับ เขาเรือรบ และต้นไม้ยักษ์ ด้วยการเดินทางโดยแท็กซี่ของที่ป้องเจ้าเก่า ซึ่งบริการรถสำหรับทัวร์เกาะ มีให้เลือกทั้งฝั่งเหนือและใต้ ราคาเริ่มต้น 1,500 บาท/4 ชั่วโมง
เขาเรือรบ อยู่ลึกเข้ามาในชุมชนและสวนมะพร้าวใช้เวลาเดินทางราว 5 นาทีจากที่พัก ซึ่งที่นี่เป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่สามารถเดินทะลุไปยังถ้ำค้างคาวบริเวณป่าชายเลน ด้านในอากาศเย็นสบายและแวดล้อมไปด้วยพันธุ์ไม้พื้นถิ่นตลอดเส้นทาง และเดินลึกเข้ามา 200 เมตร จะพบกับเข้าผาหินขนาดใหญ่ ที่รูปร่างคล้ายเรือรบขนาดใหญ่ ที่ขนาบด้วยเรือเล็กสองฝั่ง ปลายแหลมเหมือนเรือ
ด้านบนประดิษฐานพระพุทธรูป ศาลหลวงปู่ศุข และอนุสาวรีย์กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์หรือเสด็จเตี่ย พระบิดาแห่งราชนาวีไทย
จากนั้นเรานั่งรถต่อไปยังต้นไม้ยักษ์ ที่ตั้งอยู่ในป่าบนเส้นทางน้ำตกห้วงน้ำเขียว ซึ่งจะมีด้วยกัน 2 จุด คือ ต้นมะค่าและต้นไทรซึ่งอยู่ไม่ห่างกัน สามารถจอดรถและเดินเข้าไปไม่ไกล ต้นไทรยักษ์มีอายุกว่า 500 ปี ดูแตกต่างจากไทรทั่วไปที่จะแตกกิ่งก้านไปทางด้านข้าง แต่ต้นนี้จะมีความสูงยาวไปด้านบน เพราะตั้งอยู่ในป่าทึบจึงยืดสูงเพื่อรับแสง ซึ่งมีความสูงกว่า 30-40 เมตร แต่ก็ยังคงไว้ถึงเอกลักษณ์ของต้นไทรที่มีรากสุดอลังการ
ส่วนต้นมะค่ายักษ์ จะอยู่บนถนนเส้นเดียวกันถัดเข้าไปอีก 2 กิโล เดินเข้ามาเล็กน้อยจะพบกับต้นมะค่าที่เด่นสง่ากลางป่า ขนาดกว่า 10 คนโอบ ที่อายุไม่ต่ำกว่า 500 ปี เช่นกัน
เที่ยวกันแบบเพลินๆ ก็เข้าสู่ช่วงอาหารกลางวัน สำหรับมือเที่ยงนี้เราไปฟินกับคาเฟ่ริมทะเลใกล้หาดคลองเจ้าและป่าโกงกางที่ View Point Cafe ร้านนี้เป็นบ้านไม้สไตล์ชาวเล ที่ยื่นออกไปกลางทะเลและมีสะพานไม้ทอดพาไปยังตัวร้าน บรรยากาศชิลล์สุดๆ
ภายในโปร่งสบาย มากมายด้วยมุมนั่งทั้งโต๊ะและบาร์ห้อยขาซึ่งจากมุมนี้จะเห็นวิวทรายหาดคลองเจ้าและป่าโกงกางแบบกว้างๆ พร้อมกันในจุดเดียว
ส่วนเมนูก็เสริฟทั้งไทยและอินเตอร์ รสชาติแบบตะวันตกดั้งเดิมเอาใจฝรั่ง ซึ่งจานเด็ดต้องยกให้ แฮมเบอร์เกอร์เนื้อ สุดเข้มข้นเต็มคำในราคา 200 บาท
ส่วนเครื่องดื่มก็มีทั้งน้ำผลไม้ อย่างเมนู East & West สมูตตี้พีช ส้ม และมะม่วงสุดชื่นใจ 100 บาท รวมถึงเมนูยอดฮิต Freppe Coffee มาเอาใจคอกาแฟให้ตื่นตัวยามบ่าย 120 บาท View Point Cafe เปิดบริการทุกวัน 9.00 – 21.00 น. เบอร์โทรศัพท์ 081 004 4233
จากนั้นเราเช็คอินเข้าที่พักกันที่ High Season Villa & Spa เพื่อจะได้ไม่พลาดกิจกรรมสนุกๆ และคืนนี้เรานอนที่ห้อง Beach Front Suit Villa ติดริมทะเลที่เหมาะแก่การมาฮันนีมูนที่สุดบนเกาะ
ตัววิลล่ามาในโทนสีเหลืองและน้ำตาลที่ได้จากธรรมชาติสุดเนเจอร์ ภายในแบ่งออกเป็น 3 ห้องใหญ่ ได้แก่ห้องนั่งเล่น ห้องนอน และห้องน้ำ ที่กว้างขวางสะดวกสบาย ดูผ่อนคลายในทุกมุม
ด้านหน้ามีสระว่ายน้ำเลียบชายหาดที่มาพร้อมเปลตาข่าย แถมยังมีสะพานไม้และเทอเรสริมทะเลให้สวีทแบบส่วนตัว
จากนั้นมาสนุกกับกิจกรรมของที่รีสอร์ท ซึ่งจะสลับหมุนเวียนไปในแต่ละวันทั้ง สานใบมะพร้าว มวยไทย และทำขนม ซึ่งครั้งนี้ตรงกับคลาสทำขนมครกและบัวลอย กินมาตั้งหลายเจ้าแต่ก็ไม่เคยลองทำสักครั้ง ได้ประเดิมฝีมือครั้งแรกที่เกาะกูด
รสชาติดีไม่แพ้ที่ไหนเลย
ถึงช่วงมื้อเย็นพระอาทิตย์เริ่มพลบค่ำเหมาะแก่การดินเนอร์ สำหรับมื้อนี้เรามาชิลล์กันที่มุมสูงสุดของหาดคลองเจ้ากันที่มุม Bird’s nest ปิดท้ายวันได้อย่างโรแมนติก
ซึ่งเมนูจะมีให้เลือกกัน 3 เชต อาหารราว 5 อย่าง พร้อมเครื่องดื่ม ราคาเริ่มต้น 7,000+++ เริ่มตั้งแต่เวลา 18.00 – 20.00 น.
รุ่งเช้าของวันสุดท้ายขอตื่นเช้ามาเติมพลังด้วยโยคะ และอาหารเช้า ซึ่งที่ห้องอาหารไฮซีซันมีทั้งครบแบบนานาชาติ เน้นเมนูแบบเฮลตี้เพื่อสุขภาพ จัดเต็มแบบพุงกางกันไปเลย
ก่อนเช็คเอาท์ต้องไม่พลาดเดินเล่นริมทะเล และถ่ายรูปกับอีกมุมไฮไลท์ประจำเกาะที่อยู่บริเวณหน้าหาดกับ ต้นมะพร้าวคู่ พร้อมชิงช้า
เราออกจากที่พักและขึ้นเรือกลับฝั่งไปที่ตราดในรอบ 9 โมงเช้า และนั่งรถทัวร์กลับถึงกรุงเทพ เวลา 17.00 น. ซึ่งเลือกลงได้ทั้งที่ข้าวสาวและลาดกระบัง หรือใครอยากเที่ยวต่อ ก็มีเรือรอบเที่ยงให้บริการอีกรอบ ส่วนราคาก็ 900 เท่าเดิม แนะนำให้ซื้อทั้งขาไปและขากลับรอไว้เลย
เป็นยังไงกันบ้างกับทริปใสใสเกาะกูด 3 วัน 2 คืน ที่ทริปเก็ทเตอร์ได้นำมาฝากในครั้งนี้ ถือว่าเก็บกันครบทุกความสุขบนเกาะ ไม่มากไม่น้อยเรียกว่าได้พักผ่อนกันอย่างแท้จริง สำหรับใครที่วางแพลนไว้สำหรับจะมาเที่ยวทะเล ก็หวังว่ารีวิวนี้จะช่วยเป็นไกด์ทำให้ทุกคนอยากมาเที่ยวเกาะกูดกันบ้าง บอกเลยว่าเหมาะแก่มาพักผ่อนให้ได้สักครั้งในชีวิต น้ำใสสุดๆ จะมากับแก๊งเพื่อนหรือสวีทแบบคู่รัก ก็ตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี