ปากช่อง-เขาใหญ่ 2 วัน 1 คืน กิน เที่ยว เช็คอินแบบจุกๆ เมืองพักผ่อนสุดชิลล์ใกล้กรุงเทพ
54,080 ครั้ง
8 ม.ค. 2562
54,080 ครั้ง
8 ม.ค. 2562
ปากช่อง-เขาใหญ่ สองโลเคชั่นบนหนึ่งเส้นทางน่าเที่ยวใกล้กรุง ที่เรียกว่าติดอันดับท๊อปลิสต์เป็นตัวเลือกต้นๆ ที่หลายครอบครัวมักจะเลือกไปพักผ่อนในช่วงสุดสัปดาห์ ด้วยธรรมชาติที่ยังอุดมสมบูร์ มีทั้งภูเขา ลำธาร และโอโซนสุดสดชื่น แถมยังมากมายด้วยจุดเช็คอินสวยๆ และร้านคาเฟ่ให้เราแวะชิลล์ตลอดเส้นทาง และครั้งนี้ก็ถึงคิวของทริปเก็ทเตอร์ ที่จะพาเที่ยวปากช่อง-เขาใหญ่ ในระยะเวลา 2 วัน 1 คืน ตะลอนเช็คอินกันแบบสวยๆ ถูกใจสายเซลฟี่อย่างแน่นอน
เราออกเดินทางในเช้าวันเสาร์ ซึ่งจากกรุงเทพเราใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงนิดๆ เพื่อมุ่งหน้าไปยังจุดหมายแรกของเราในทริปนี้
ภายในฟาร์มโชคชัยมากมายด้วยกิจกรรมสนุก ทั้งการป้อนอาหารแกะ ชมการแสดงจากคาวบอย และเวิร์คชอปทำไอศกรีมของขึ้นชื่อ ซึ่งจะมีรถรางบริการพาไปยังโซนต่างๆ วันอังคาร-ศุกร์ จะมี 2 รอบคือ 10.00 และ 14.00 น.
ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ จะมีทั้งหมด 12 รอบ เร่ิมตั้งแต่ 10.00 ยาวไปถึง 14.40 (20 นาทีออกไม่ต้องรอนาน) ส่วนค่าบริการเด็ก 150 บาท ผู้ใหญ่ 300 บาท แนะนำให้จองล่วงหน้าก่อนสัก 7 วันเพื่อความชัวร์
มีมุมสวยให้ถ่ายรูปกันเพียบเลย อย่างมุมนี้ก็เก๋ไก๋ไม่เบายืนกลางทุ่งหญ้ากว้างล้อมรอบไปด้วยฝูงแกะ
จากนั้นเราแวะกินมื้อเที่ยงกันที่ร้าน The Garden Cafe ร้านนี้นอกจากจะเป็นคาเฟ่มีกาแฟอร่อยๆ บริการแล้ว ยังมีเมนูอาหารจานเดียวให้เลือกกันมากมาย ตัวร้านมาในดีไซน์แบบแอดเวนเจอร์นิดๆ เข้ากับบรรยากาศปากช่อง-เขาใหญ่ ด้านหน้ามีสวนหย่อมบรรยากาศร่มรื่นคอยต้อนรับ
ภายในเป็นเหมือนโรงเรือน เน้นโชว์ผิวอิฐสีแดงสวยและหลังคาใช้ใบสักคลุมดูเป็นธรรมชาติ และได้กลิ่นของความเป็นวินเทจนิดๆ
ด้านเมนูซิกเนเจอร์ของร้านนี้ก็ต้องยกให้ ข้าวไข่ข้นซอสมันกุ้ง รสชาติเข้มข้นกลมกล่อมในราคา 69 บาท และเครื่องดื่มเย็นๆ อย่าง ชามะนาวและสตรอเบอรี่โซดา ส่วนกาแฟก็เด็ดไม่เบา หรือใครจะตบท้ายด้วยของหวานก็มีให้เลือกอีกหลายรายการ
นั่งกันเพลินๆ เข้าช่วงบ่ายแก่ขอเช็คอินเข้าที่พัก ไปพักผ่อนกันซักหน่อยละกัน สำหรับทริปนี้เราเลือกนอนที่ปากช่องกับที่พักสุดน่ารัก ในฝันวิลล์ เบด แอนด์ เบรคฟาส ที่พักเล็กๆ สุดอบอุ่นมีวิวภูเขาให้ชมกัน
บรรยากาศค่อนข้างเงียบสงบและเย็นสบาย เหมือนหลุดเข้ามาในดินแดนเทพนิยายอยู่ในฝันสมชื่อที่พัก ซึ่งบ้านแต่ละหลังก็จะมีรูปแบบและสีสันที่แตกต่างกันกระจายไปยังมุมต่างๆ
ภายในตกแต่งในสไตล์โมเดิร์น มาในโทนสีสบายตา ที่สำคัญบางหลังมีห้องใต้หลังคาให้เลือกนอนกันด้วย รองรับตั้งแต่ 2 คนถึง 8 คนเลยทีเดียว
มีมุมสวยๆ ให้แชะกันเพียบ แถมช่วงเย็นมีวิวพระอาทิตย์ตกให้ชม พร้อมชิมลูกหม่อนสดๆ จากต้นกันอีก สำหรับใครที่สนใจที่พักสามารถคลิ๊กดูรีวิวและรายละเอียดอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ ในฝันวิลล์ เบด แอนด์ เบรคฟาส
ช่วงเย็นเราออกไปหาซื้อของกินและเดินเล่นกันที่ ปากช่องไนท์มาเก็ต ซึ่งจากที่พักขับรถไปประมาณ 10-15 นาทีเท่านั้น
แต่สำหรับใครที่ไม่อยากออกไปไหน ที่นี่ก็มีบริการเตาปิ้งย่างและ BBQ ซึ่งต้องสั่งล่วงหน้าไว้ก่อน รสชาติดีเลยทีเดียวเริ่มต้นไม้ละ 28 บาทคุ้มเต็มคำ ฟินกันแบบเต็มอิ่มก่อนเข้านอน
ช่วงเช้าตื่นมาสูดอากาศสดชื่น ฟังเสียงนกร้องพร้อมกินเมนูอร่อย มีทั้งข้าวต้ม ซาลาเปา และขนมปังซึ่งทีเด็ดต้องยกให้แยมโฮมเมดที่ทำจากลูกมัลเบอรี่ที่ในฝันนี่แหละ ทานเสร็จก็เก็บกระเป๋าพร้อมเช็คเอาท์ไปลุยเขาใหญ่กันบ้าง
จากปากช่องเรามุ่งหน้าสู่เขาใหญ่ไปที่จุดหมายแรก น้ำพุธรรมชาติบ้านท่าช้าง หรือที่หลายคนรู้จักกันในชื่อ สระบ่อผุด ซึ่งจากที่พักใช้เวลาขับรถเพียง 30 นาทีเท่านั้น
ที่นี่เป็นตาน้ำขนาดใหญ่ที่มีน้ำไหลตลอดทั้งปี ความพิเศษของที่นี่คือน้ำจะเป็นสีฟ้าใสโดยไม่ต้องใส่ฟิลเตอร์ ซึ่งเกิดมาจากแคลเซียมคาร์บอเนตสูงหรือมีความเป็นด่างมากนั่นเอง แต่ไม่มีอันตรายนะสามารถลงเล่นน้ำได้ และแนะนำให้มาช่วงเช้าเพราะคนค่อนข้างน้อยน้ำจะยังคงใสแจ๋วเหมือนในรูป
ตัวสระจะเป็นออกเป็น 4 ชั้นลดลั่นลงมา มีทั้งบ่อลึกที่ไม่ให้ลงเล่นและบ่อตื้นสำหรับเด็กๆ ส่วนบริเวณด้านหน้ามีร้านขายอาหารมากมาย เหมาะแก่การมาปิกนิกได้อีกด้วย
เราออกจากสระบ่อผุดอีกทีก็เข้าช่วงเกือบเที่ยงไม่ไกลจากที่นี่ มีหลายคนแนะนำให้มากินมื้อกลางวันที่ร้าน ครัวกำปั่น ร้านนี้อยู่ติดถนนใหญ่ บริเวณตรงข้ามคีรีมายา รีสอร์ทใครผ่านไปผ่านมาก็ต้องเห็นเด่นชัดสุดๆ
ตัวร้านเป็นบ้านเรือนไทยแบบโบราณ ภายในตกแต่งด้วยไม้ทั้งหลังมากมายด้วยที่นั่งบรรยากาศดี
ส่วนเมนูร้านนี้จะเน้นเสริฟเป็นอาหารไทยรสเข้มข้นกว่า 100 เมนู ซึ่งเมนูเด็ดที่เรายกให้จะเป็นแกงคั่วหอยขม และยำถั่วพลู
จากนั้นเราลุยต่อกับคาเฟ่สวยอีกสัก 2 ที่ ที่แรก The Birder’s lodge ร้านนี้โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่มีความฮิป และดูแปลกตาในเวลาเดียวกัน ตัวร้านเน้นดีไซน์จากไม้ ภายในตกแต่งในสไตล์โมเดิร์น มีที่นั่งให้เลือกทั้งบาร์ โต๊ะ และโซน Glass House
บรรยกาศดี ถ่ายรูปมุมไหนก็สวยชิค
และอีกหนึ่งมุมซิกเนเจอร์ที่ไม่ว่าใครมาที่ก็ต้องแวะถ่ายกับมุมนี้ ก็คือโรงไม้หลังใหญ่ ที่ถูกปกคลุมไม้ด้วยไม้เลื้อยสีเขียว ซึ่งด้านในเป็นเหมือนชุมชนเล็กๆ ที่นำของกิน ของฝากมาวางขายให้เราช้อปปิ้งกัน สำหรับโซนนี้จะเปิดเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์เท่านั้น
ส่วนเมนูที่นี่ก็เสริฟครบทั้งคาว หวาน และเครื่องดื่ม ซึ่งเมนูน่ารักๆ ที่ต้องไม่พลาดสั่งก็คือ อิตาเลี่ยนโซดา ที่ความพิเศษก็คือจะมีสายไหมให้อร่อยเพิ่มเติม กินคู่กันหวานกำลังดี
จากร้านเดิม 15 นาที เรามาชิลล์กันต่อที่ ภิรมย์ คาเฟ่ ร้านนี้บอกเลยว่าโลเคชั่นดีมาก ตั้งอยู่ท่ามกลางขุนเขาและริมทะเลสาบ แถมยังมีสวนองุ่นให้ถ่ายรูปกันอีก
ตัวร้านเป็นบ้านดีไซน์สวยหลังใหญ่ ที่ได้รับแรงบันดาลใจมากจากถังไวน์ เข้ามาจะพบกับบาร์สำหรับสั่งเมนู
ส่วนมุมนั่งจะอยู่ถัดไปด้านในมีทั้งอินดอร์ในห้องแอร์ และเอาท์ดอร์รับลมชมวิวทะเลสาบ
เมนูที่นี่จะเน้นไปทางอาหารทานเล่นแบบอินเตอร์ๆ อย่างไส้กรอกโฮมเมดและมันฝรั่งทอดคลุกเครื่องเทศสูตรลับ ส่วนเครื่องดื่มก็มีให้เลือกทั้งร้อนและเย็นเมนูเด็ดต้องยกให้ อิตาเลี่ยนโซดา รสดอกซากุระ กลิ่นหอมฟินเข้ากับบรรยากาศสุดๆ
ส่วนขากลับอาจจะแวะไปถ่ายรูปกับเมืองสวยและตึกเอนปิซ่าจำลองที่ ทอสคาน่า วัลเลย์ ก็เป็นตัวเลือกที่ดีปิดท้ายทริปกันแบบเมมเต็ม
เป็นอย่างไรกันบ้างกับทริปพักผ่อน 2 วัน 1 คืนที่ปากช่อง-เขาใหญ่ ที่เน้นการพักผ่อนอยู่กับธรรมชาติ แถมยังได้แวะเที่ยว แวะกิน เช็คอินถ่ายรูปกันเพลินๆ สำหรับใครที่กำลังมองหาที่พักผ่อนไม่ใกล้ไม่ไกลจากกรุงเทพ โอบล้อมไปด้วยโอโซนแห่งความสุขที่นี่เป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางที่มีครบทุกความต้องการของคุณอย่างแน่นอน