10 ที่เที่ยวเมืองรอง ใกล้กรุง ชวนเพื่อนไปสโลว์ไลฟ์ได้ง่ายๆ
11,147 ครั้ง
25 พ.ค. 2564
เที่ยวตามหัวเมืองกันเยอะเเล้ว วันนี้ทริปเก็ทเตอร์เราจะพาไปเที่ยวเมืองรองกันบ้างกับ 10 ที่เที่ยวเมืองรอง ใกล้กรุง ชวนเพื่อนไปสโลว์ไลฟ์ได้ง่ายๆ บอกเลยว่ามีความสวยงาม และความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติไม่แพ้จังหวัดดังๆ เลย เราคัดมาให้ครบโดยเน้นบรรยากาศใกล์ชิดติดธรรมชาติ สายลุยต้องชอบ สายถ่ายรูปต้องรัก สายบุญเราก็ไม่พลาด มาครบขนาดนี้ไม่ไปไม่ได้แล้ว แต่จะมีที่ไหนและอยู่ในจังหวัดอะไรบ้าง ตามมาชมกันเลย 10 ที่เที่ยวเมืองรอง ใกล้กรุง ชวนเพื่อนไปสโลว์ไลฟ์ได้ง่ายๆ
10 ที่เที่ยวเมืองรอง ใกล้กรุง ชวนเพื่อนไปสโลว์ไลฟ์ได้ง่ายๆ
1.เขาช่องลม, นครนายก
(Chonglom Waterfall)
เขาช่องลม สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตของจังหวัดนครนายก ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่กำลังได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน โดดเด่นด้วยทิวเขาของธรรมชาติ สลับกับลำธารที่ไหลผ่านระหว่างซอกเขาและแนวก้องหินน้อยใหญ่ ที่แห่งนี้อุดมสมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติสีเขียว ซึ่งถ้าใครโชคดีจะได้พบกับฝูงผีเสื้อที่บินอยู่รอบๆ บริเวณ สำหรับการเดินทางไปยังเขาช่องลมนั้นจะต้องนั่งเรือเข้าไปใช้เวลาประมาน 15 – 20 นาที และสามารถติดต่อเรือได้ที่ทางเข้าแนวสันเขื่อน การเดินทางอาจจะดูลำบากเล็กน้อย แต่เมื่อเทียบกับประสบการณ์ที่ได้ และภาพสวยๆ บอกเลยว่าเกินคุ้มมากๆ ใครรู้ตัวว่าเป็นสายลุย บุกป่าไม่ความพลาด!
Location: เขื่อนขุนด่านปราการชล ต.นาหินลาด อ.ปากพลี จ.นครนายก
Open – Close: บริการเหมาเรือเริ่มออกเที่ยวแรกตั้งแต่เวลา 08.00 – 17.00 น. (คิวเรือออกทั้งวันไม่มีรอบ)
Price: ราคาเหมาเรือ 1 – 7 คน 1,500 บาท 7 คนขึ้นไปคนละ 200 บาท
Recommend: แนะนำให้ใส่รองเท้ากีฬาหรือรองเท้าสำหรับเดินป่าไป
2.อุโมงค์ไม้ไผ่ – วัดจุฬาภรณ์วนาราม, นครนายก
(Chulabhorn Wanaram)
อุโมงค์ไม้ไผ่ – วัดจุฬาภรณ์วนาราม อีกหนึ่งจุดเช็คอินของจังหวัดนครนายกที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว โดดเด่นด้วยซุ้มอุโมงค์ไม้ไผ่ที่โค้งงอเข้าหากัน ซึ่งมีความยาวประมานเกือบ 300 เมตร บวกกับบรรยากาศโดยรอบก็มีความร่มรื่นน่าพักผ่อน อีกทั้งยังเป็นทางเข้าของวัดจุฬาภรณ์วนาราม ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยทรงเครื่องกษัตริย์ซึ่งหาชมได้ยาก หากมาเที่ยวนครนายกกันแล้วลองแวะมาทำบุญที่วัดจุฬาภรณืวนารามกันก่อนรับรองว่าอิ่มทั้งบุญแถมได้รูปสวยๆ กลับไปอย่างแน่นอน
Location: ต.บ้านพริก อ.บ้านนา จ.นครนายก
Open – Close: เปิดเวลา 06.00 – 18.00 น.
Phone: 080 011 3791
3.สะพานทุ่งนามุ้ย, นครนายก
(Saphan Thungna Muy)
สะพานทุ่งนามุ้ย สถานที่ท่องเที่ยวและจุดเช็คอินสุดฮิตของจังหวัดนครนายกที่ใครๆ มาก็ต่างต้องแวะเวียนกันมาถ่ายรูปคู่กับสะพานที่โค้งไปตามทุ่งนาสีเขียว ถ้าหากมาในช่วงเดือนสิงหาคมก็จะได้เห็นทุ่งนาสีเขียวขจี ส่วนชื่อทุ่งนามุ้ยที่หลายๆ คนกำลังสงสัยว่าทำไมถึงต้องเป็นชื่อนี้ แต่ก่อนที่นี่เคยเป็นทุ่งหม่ามุ้ยต่อมาจึงเรียกที่นยี่ว่าทุ่งนามุ้ย นอกจากนี้แล้วที่นี่ยังมีสินค้าจากชาวบ้านมาวางขายไม่ว่าจะเป็นสินค้าทางการเกษตร และของฝาก และยังมีคาเฟ่เล็กๆ ที่ตั้งอยู่ริมทุ่งนาอีกด้วย
Location: 88 ม.11 ต.สาริกา อ.เมือง จ.นครนายก
Open – Close: เปิดเวลา 06.00 – 18.00 น.
Price: ค่าเข้าคนละ 10 บาท
Phone: 094 493 4321
Facebook: สะพานทุ่งนามุ้ย
4,อุทยานเขาหินงู, ราชบุรี
(Khao Ngu Stone Park)
อุทยานเขาหินงู ถือเป็นอีกหนึ่งจุดเช็คอินขนาดใหญ่ที่มีความสำคัญ ที่แห่งนี้เกิดจากการทำเหมืองในสมัยรัตนโกสินทร์ ประกอบด้วยภูเขาหินและหนองน้ำขนาดใหญ่ อีกทั้งยังมีทางเดินริมน้ำ สะพานแขวน และจุดนั่งพักชมวิวอีกด้วย ที่สำคัญยังมีมุมให้ปั่นเรือถีบออกกำลังกาย ชมวิวเขากันแบบใกล้ชิด ด้านในมีพระพุทธรูปขนาดใหญ่ ตั้งสูงตระหง่าริมหน้าผา ควรแวะมาสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคลในการมาเที่ยวจังหวัดราชบุรี
Location: ต.เกาะพลับพลา อ.เมือง จ.ราชบุรี
Open – Close: เปิดบริการทุกวัน 08.00 – 18.00 น.
5.เดอะ ซีนเนอรี วินเทจ ฟาร์ม, ราชบุรี
(The Scenery Vintage Farm)
เดอะ ซีนเนอรี วินเทจ ฟาร์ม แหล่งท่องเที่ยวที่ถือว่าเป็นที่นิยมและสร้างชื่อให้กับอำเภอสวนผึ้ง โดดเด่นด้วยบรรยากาศของขุนเขาและอากาศที่บริสุทธิ์ของธรรมชาติ มาพร้อมกับสถานที่ที่ตกแต่งมาในสไตล์คันทรีโดยผสมผสานกับธรรมชาติโดยรอบได้อย่างลงตัว ภายในมีมุมนั่งเล่นและจุดบริการต่างๆ มากมาย ทั้งโซนป้อนอาหารแกะ โชว์ละครสัตว์แสนรู้ ซุ้มเกมส์ และที่พลาดไม่ได้ต้องไอศกรีมนมแกะ ที่ขอบอกว่าเป็นแห่งเดียวในประเทศกันเลย นอกจากนี้ที่นี่ยังมีที่พักดีไซน์สุดชิค ให้เลือกพักผ่อนกันอีกด้วย
Location: 234 ม.7 อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี
Open – Close: เปิดบริการทุกวัน 8.30 – 18.00 น.
Phone: 081 000 6677
Facebook: The Scenery Vintage Farm รีสอร์ท สวนผึ้ง
6.วัดม่วง, อ่างทอง
(Watmuang)
วัดม่วง วัดเก่าแก่ที่มีความสำคัญกับจังหวัดอ่างทอง เป็นวัดที่สามารถมองเห็นความงดงามได้แต่ไกล โดดเด่นด้วยปูนปั้นกลีบบัวที่ล้อมรอบพระอุโบสถและภายในยังมีภาพจิตรกรรมฝาผนังอีกด้วย และยังมีพระพุทธรูปที่องค์ใหญ่ที่สุดในโลกอย่างพระพุทธมหานวมินทร์ศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญที่สูงเท่าตึก 32 ชั้นสีทองอร่ามทั้งองค์อยู่อีกด้วย และยังมีความเชื่อว่าถ้ามาเคารพสักการะ ท่านจะประทานพรให้เติบโตและเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน
Location: 19 ต.หัวตะพาน อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง
Open – Close: เปิดเวลา 06.00 – 18.00 น. (วันหยุดนักขัตฤกษ์เวลาเปิดปิดอาจแตกต่างกันไป)
Phone: 035 631 556
Facebook: วัดม่วง อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง
7.เกาะช้าง, ตราด
(Koh Chang)
เกาะช้าง เกาะขึ้นชื่อของจังหวัดตราด เป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศรองจากภูเก็ต โดดเด่นด้วยความสวยงามของธรรมชาติที่มีความอุดมสมบูรณ์ มีครบทั้งภูเขา น้ำตก และป่าชายเลน ที่สำคัญมีหาดสวย ทะเลใส มาต้อนรับผู้มาเยือนตลอดทั้งปี โดยหาดที่ได้รับความนิยมคือ หาดไก่แบ้ หาดทรายขาว หาดคลองกลอย และหาดท่าน้ำ อีกทั้งยังมีชุมชนริมอ่าวที่ใช้ชีวิตแบบวิถีชีวิตชาวเลดั้งเดิมอย่าง ชุมชนอ่าวสลักคอก ที่มีความสโลไลฟ์และมีเรือมาดเป็นซิกเนเจอร์ ให้เราได้เห็นและเรียนรู้ชีวิตของชาวเกาะ ส่วนใครที่อยากมานอนพักผ่อน บนเกาะช้างแห่งนี้ก็มีที่พักมากมายให้เลือก บอกเลยว่าสวยแจ่ม น่ามาพักผ่อนเป็นที่สุด
Location: เกาะช้าง จ.ตราด
Time: เรือเฟอร์รี่ จากท่าเรืออ่าวธรรมชาติ เริ่มเดินเรือตั้งแต่เวลา 06.30 น. (รอบแรก) จนถึง 19.00 น. (รอบสุดท้าย) มีเรือออกทุกครึ่งชั่วโมง (ค่าโดยสาร ไป – กลับ 120 บาท/คน)
8.เกาะกูด, ตราด
(Koh Kood)
เกาะกูด เป็นอีกหนึ่งเกาะของจังหวัดตราด ที่ได้รับความนิยมไม่แพ้เกาะช้าง เกาะแห่งนี้โดดเด่นด้วยหาดทรายสีขาวและน้ำทะเลใสเหมือนมรกต แวดรอมไปด้วยธรรมชาติที่มีความอุดมสมบูรณ์ตลอดทั้งปี โดยหาดสวยของเกาะกูดจะมี หาดบางเบ้า อ่าวคลองเจ้า อ่าวตะเภา อ่าวพร้าว อ่าวจาก และอ่าวกล้วย บอดเลยว่ามีทั้งความสวยงามและเดินทางไปมาสะดวก เหมาะจะชวนเพื่อนหรือคนในครอบครัวมาพักผ่อนเพื่อดื่มด่ำไปกับบรรยากาศของท้องทะเล และที่พักที่มีให้เลือกหลายแห่ง หลายสไตล์
Location: เกาะกูด จ.ตราด
Time: เรือศิริไวย์ (ขาไป) 10.00 น. ราคา 600 บาท/คน (ขากลับ) 13.00 น. ราคา 600 บาท/คน // เกาะกูดเอ็กซ์เพรส (ขาไป) 13.00 น. ราคา 500 บาท/คน (ขากลับ) 10.00 น. ราคา 500 บาท/คน ใช้เวลาในการเดินทางจากท่าเรือแหลมศอก – เกาะกูด ประมาน 1.30 ชั่วโมง
9.ปรางค์สามยอด, ลพบุรี
(Prang Sam Yod)
พระปรางค์สามยอด อีกหนึ่งจุดเช็คอินที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของจังหวัดลพบุรี เป็นทั้งแหล่งท่องเที่ยวและเเหล่งศึกษาความรู้ใจกลางเมือง ลักษณะเป็นปราสาทที่สร้างด้วยหินศิลาแลง เป็นประติมากรรมทรงขอมศิลปะบายน สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 หรือราวปี พ.ศ. 1724 อายุประมาณ 840 ปี เป็นอีกหนึ่งจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมแวะมาให้อาหารและถ่ายรูปกับน้องลิง ภายในปราสาทสามารถเดินเข้าไปได้ ด้านในเงียบสงบ มีพระพุทธและวัตถุโบราณต่างๆ ให้กราบไหว้และศึกษา
Location: ต.ท่าหิน อ.เมือง จ.ลพบุรี
Open – Close: เปิดให้เข้าชมทุกวัน 08.00 – 18.00 น.
Fee: ค่าบริการชาวไทย 10 บาท ชาวต่างชาติ 30 บาท
10.ตลาดสะพานโค้ง, สุพรรณบุรี
(Sapankong Floating Market)
ตลาดสะพานโค้ง จุดเช็คอินชิคๆ ของจังหวัดสุพรรณบุรี เป็นตลาดที่มีสะพานไม้ไผ่ทอดยาวอยู่ตรงกลางระหว่างทุ่งดอกบัวหลวงและคลองสองพี่น้อง ทั้งสองฝั่งสะพานเต็มไปด้วยร้านค้า อาหาร ขนม และผักผลไม้มากมายให้เลือกซื้อและรับประทาน อีกทั้งยังมีมุมถ่ายรูปสวยๆ อยู่ทั่วบริเวณทั้งศาลา ซุ้มไม้ไผ่ เรือโบราณ และสุ่มปลายักษ์ ที่สร้างจากไม้ไผ่กว่า 1000 ต้น ภายในแบ่งเป็นชั้นให้เราขึ้นไปนั่งพักกินลมชมวิว แถมด้านบนยังเป็นดาดฟ้าสามารถชมวิวได้แบบ 360 องศา ซึ่งถือเป็นมุมซิกเนเจอร์ของตลาดแห่งนี้เลย
Location: ต.ต้นตาล อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี
Open – Close: เปิดบริการทุกวัน 09.00 – 17.00 น. (ช่วงวันธรรมดาร้านค้าน้อย)
Fee: ไม่มีค่าเข้าชม
เป็นอย่างไรกันบ้างกับ 10 ที่เที่ยวเมืองรอง ใกล้กรุง ชวนเพื่อนไปสโลว์ไลฟ์ได้ง่ายๆ อ่านจบแล้ว ถูกใจที่ไหนอย่าลืมตามทริปเก็ทเตอร์ไปเช็คอินกันด้วยนะ สำหรับใครที่ต้องการชมที่เที่ยวเพิ่มเติมสามารถกดชมได้ที่ 5 ที่เที่ยวสวยเมืองรอง ไปสักครั้งรับรองจะหลงรัก และ 10 ที่เที่ยวใกล้กรุงเทพขึ้นชื่อ ไปได้ง่ายๆ รับปีใหม่ 2021 สำหรับคนที่กำลังมองหาที่พัก 5 โฮมสเตย์ใกล้กรุงเทพริมน้ำ ไม่ต้องไปไกล จ่ายคนละไม่เกิน 1,000
-
-
บทความยอดนิยมเดือนนี้
