8 จุดเช็คอินล่าหมอกใกล้กรุงเทพฯ หนีงานยุ่งๆ ไปสัมผัสหมอกกันสักครั้ง

วันนี้ Tripgether จะพาไปล่าจุดเช็คอินสุดฟินแบบไม่ต้องไปไหนไกลก็สัมผัสอากาศบริสุทธิ์กับจุดชมทะเลหมอกใกล้กรุง แถมการเดินทางก็ง่ายอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพ ออกไปห่มหมอก กอดภูเขา นอนนับดาว พร้อมชมทะเลหมอกสวยๆ จะมีที่ไหนน่าไปบ้างไปดูกันเลย!!

---

1.ยอดเขาเทวดา, สุพรรณบุรี
(Thewada Peak)

ยอดเขาเทวดา เป็นจุดที่สูงที่สุดของจังหวัดสุพรรณบุรี ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติพุเตย ตัวเทือกเขาสลับซับซ้อนและมีความลาดชันมากอีกทั้งยังเป็นชายป่าผืนสุดท้ายของป่าห้วยขาแข้ง ซึ่งที่นี่เหมาะกับคนที่หลงใหลการเดินชมธรรมชาติ ป่าเขา น้ำตก ไฮไลท์สำคัญของการมาที่นี่คือการเดินเท้าขึ้นไปชมแสงแรกของวันบนยอดเขาเทวดาพร้อมทะเลหมอกและทิวเขาไกลสุดลูกหูลูกตา ยิ่งใครมาช่วงหน้าหนาวรับรองว่าฟินสุดๆ กางเต็นท์นอนดูดาว ผิงไฟคลายหนาว ถึงแม้ว่าการเดินขึ้นยอดเขาเทวดานั้น ใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง แต่รับรองว่าขึ้นมาแล้วไม่ผิดหวังแน่นอน

ขอบคุณรูปภาพจาก: อุทยานแห่งชาติพุเตย 

Location: อุทยานแห่งชาติพุเตย ต.วังยาว อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี
Open-Close: เปิดทำการทุกวัน แต่เนื่องจากทางเข้าเป็นทางลูกรังและขึ้นเขา ควรไปถึงลานกางเต็นท์ไม่เกิน 17.00 น.
Phone: 035 960 240, 081 934 2240
Price: -ค่าเต็นท์ 250 บาท/เต็นท์ (รวมถุงนอนและหมอนให้)  -ค่าเช้าพื้นที่หากนำเต็นท์มาเอง คืนละ 30 บาท/คน
-ค่าธรรมเนียมเข้าอุทยาน ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท ชาวต่างชาติ 100 บาท
-หากนำรถขึ้นมาเอง เสียค่าจอดรถบนอุทยาน คันละ 30 บาท
-หากไม่มีรถที่นำขึ้นไปได้ ต้องใช้บริการรถของเจ้าหน้าที่อุทยาน คันละ 2,000 บาท (รวมไป-กลับ)
Facebook: อุทยานแห่งชาติพุเตย 

---

2.ผาเก็บตะวัน, จ.นครราชสีมา
(Pha Keb Tawan)

ผาเก็บตะวัน อุทยานแห่งชาติทับลาน สถานที่ยอดฮิตในช่วงฤดูหนาวเนื่องจากคนส่วนใหญ่นิยมมากางเต็นท์เพื่อรอชมทะเลหมอกในยามเช้าและสัมผัสอากาศที่บริสุทธิ์ พร้อมชมแสงแรกและแสงสุดท้ายของวัน ที่สำคัญอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพ นอกจากการมาชมทะเลหมอกแล้ว ที่ผาเก็บตะวันยังมีกิจการรมปลูกป่าเก๋ๆ ด้วยการยิงเมล็ดพันธ์พืชด้วยหนังสติ๊ก มีทั้งเมล็ดมะค่าโมง เมล็ดลาน ให้เข้าไปตกในป่า แถมทางอุทยานยังมีบริเวณกางเต็นท์ไว้คอยบริการอีกด้วย ใครที่อยากมาเที่ยวธรรมชาติ สูดโอโซนที่สุดแสนบริสุทธิ์ สัมผัสอากาศหนาวพร้อมชมทะเลหมอก แวะมาที่ผาเก็บตะวัน ฟินสุดๆ

ขอบคุณรูปภาพจาก: อุทยานแห่งชาติทับลาน  

Location: บ้านสุขสมบูรณ์ ต.ไทยสามัคคี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา
Open-Close: เปิดทำการเวลา 06.00-18.00 น.
Phone: 037 210 340, 080 975 8997
Price: -ค่าเข้าอุทยาน 20 บาท/คน รถจักยานต์ 30 บาท/คัน
-กรณีเช่าเต็นท์ – เต็นท์นอน 3 คน(พร้อมอุปกรณ์) 405 บาท 
-เต็นท์นอนไม่มีอุปกรณ์ 3 คน 255 บาท
Facebook: อุทยานแห่งชาติทับลาน 

---

3.เขื่อนขุนด่านปราการชล, นครยายก
(Khun Dan Prakan Chon Dam)

เขื่อนขุนด่านปราการชล เป็นจุดเช็คอินล่าหมอกใกล้กรุงเทพอีกแห่งหนึ่งที่มีบรรยากาศที่เขียวชอุ่มที่ล่ำลือกันว่าสวยงามราวกับสวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย แถมยังมีหุบเขาแอบซ่อนอยู่หลังเขื่อนอย่าง น้ำตกเขาช่องลม ชมความเขียวขจีของธรรมชาติสลับกับโขดหินที่ลึกเข้าไป หากเป็นช่วงปลายฝนต้นหนาว หรือช่วงที่ฝนพึ่งหยุดตกใหม่ๆ ก็จะได้เจอกับหมอกขาวที่ปกคลุมทั่วไปทั้งเขา เรียกว่าสวยงามเกินคำบรรยาย ต้องมาลองสัมผัสดูสักครั้ง

 

Location: ม.2 บ้านท่าด่าน ต.หินตั้ง อ.เมือง จ.นครนายก
Open-Close: เปิดทำการเวลา 08.00–18.00 น.
Phone: 037 384 192
Price: เข้าชมฟรี

---

4.จุดชมวิวภูค้อ อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว, เพชรบูรณ์
(Phu Kho View Point)

จุดชมวิวภูค้อ อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว อีกหนึ่งจุดชมวิวทะเลหมอกที่ล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติที่เขียวขจี พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อน เป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นพระอาทิตย์ขึ้นท่ามกลางทะเลหมอกที่สวยงาม โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวโดยสามารถมองเห็นภูกระดึงและภูผาจิตที่อยู่ข้างหน้าได้ ทางอุทยานยังมีกิจกรรมเดินป่าศึกษาธรรมชาติ แถมยังมีโอกาศพบนกชนิดต่างๆ เรียกว่ามาครบจบในที่เดียวใกล้ชิดธรรมชาติสุดๆ

ขอบคุณรูปภาพจาก: อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว 

Location: ถ.ชุมแพ-หล่มสัก ต.น้ำหนาว อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์
Open-Close: เปิดทำการ 6.00-18.00น.
Phone: 056 729 002, 061 042 8234
Price: -อัตราค่าเข้าอุทยาน นักท่องเที่ยว ชาวไทย ผู้ใหญ่ ราคา 20 บาท เด็ก ราคา 10 บาท
-ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ ราคา 200 บาท เด็ก ราคา 100 บาท
Facebook: อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว 

---

5.เนินช้างศึก, กาญจนบุรี
(Nern Chang Suek)

เนินช้างศึก หรือที่เรียกว่า ยอดดอยปิล็อก เป็นจุดชมวิวบนยอดเขาในเขตพรมแดน ไทย-พม่า อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้แบบ 360 องศา ฝั่งไทยจะเห็นจุดชมวิวเนินเสาธงและหมู่บ้านอีต่องที่อยู่ในหุบเขาด้านล่าง ส่วนฝั่งพม่าจะเห็นเทือกเขาและแนวป่าเขาที่สลับซับซ้อน ชมทะเลหมอกที่ปกคลุมยอดเขา ได้สูดอากาศบริสุทธิ์ อีกทั้งยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่เรียกว่าสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองกาญจน์

ขอบุคณภาพจาก: อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ 

Location: บ้านอีต่อง ต.ปิล็อก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี
Open-Close: 05.30-18.30น.
Phone: 034 599 118, 034 540 524
Price: เข้าชมฟรี
Website: เนินช้างศึก 

---

6.เขาตะเคียนโง๊ะ, เพชรบูรณ์
(Khao Takhian Ngo)

เขาตะเคียนโง๊ะ อีกหนึ่งจุดชมวิวทะเลหมอกแบบรอบทิศ พร้อมชมแสงแรกของวัน เรียกว่าเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยที่สุดอีกแห่งหนึ่งบนเขาค้อ ที่สำคัญเขาตะเคียนโง๊ะยังสามาถมองเห็นเขาปู่ เขาย่า ที่มีรูปร่างคล้ายภูเขาไฟฟูจิ รวมไปถึงผืนป่าเขาค้อที่ซ่อนตัวอยู่กลางทะเลหมอก ยิ่งมาช่วงปลายฝนต้นหนาว จะมีหมอกและแสงสวยๆ มาให้เห็นเกือบทุกวัน ทำให้ได้ทั้งทะเลหมอกและแสงสีที่สวยงามซึ่งเป็นความลงตัวที่สุดอีกอย่างหนึ่ง หากใครอยากมากางเต็นท์นอนฟินๆ ก็ได้ที่นี่มีเต็นท์ให้เช่าหรือใครที่เตรียมมาเองก็สามารถกางได้เลย ใครที่มาถึงเขาค้อทั้งทีไม่ควรพลาด เขาตะเคียนโง๊ะ มาสัมผัสภาพทะเลหมอกอันสวยงามที่ต้องมาเห็นด้วยตาตัวเองแล้วจะหลงรัก

 

Location: ม.6 ต.หนองแม่นา อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์
Open-Close: เปิดทำการทุกวัน
Phone: 087 075 2467, 098 746 3863, 063 995 9822
Price: -ค่าบำรุงสถานที่คนละ  10 บาท (กรณีไม่ได้นอนค้างคืน)
-มีเต็นท์ให้บริการ หลังละ 450 บาท พักได้ 2-3 คน หากนำเต็นท์มาเอง คิดค่าพื้นที่กางเต็นท์คนละ 100 บาท
Website: จุดชมวิวเขาตะเคียนโง๊ะ เขาค้อ 

---

7.จุดชมวิวทะเลหมอกภูทับเบิก, เพชรบูรณ์
(Phuthapboek)

จุดสุดท้ายกับ จุดชมวิวภูทับเบิก เป็นจุดสูงสุดของจังหวัดเพชรบูรณ์ ขึ้นชื่อว่ามีทะเลหมอกที่สวยงามและอลังการ ที่งดงามติดอันดับต้นๆ ของเมืองไทย แถมมีอากาศที่เย็นสบายตลอดปี มีสายหมอกลอยคลอเคลียตามไหล่เขาให้ได้ชมแทบทุกจุด ยิ่งช่วงเช้าจะเห็นหมอกสีขาวนวลที่แทรกอยู่ท่ามกล่างภูเขาและต้นไม้ได้อย่างชัดเจน นอกจากนั้นที่นี่ยังเป็นแหล่งปลูกกะหล่ำปลีที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

Location: ภูทับเบิก ม.14 ต.วังบาล อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์
Open-Close: เปิดทำการทุกวัน
Phone: 056 747 532
Price: เข้าชมฟรี
Facebook: ภูทับเบิก จังหวัดเพชรบูรณ์ 

---

8.เขากระโจม, ราชบุรี
(Khao Krachom)

เขากระโจม ยอดเขาสูงที่เป็นภูเขาลูกโดด อุดมไปด้วยไม้ป่านาๆ ชนิด พร้อมธรรมชาติสีเขียว อากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี สามารถขึ้นไปเที่ยวชมเขากระโจมได้ตลอดทุกวัน ด้านบนจะมีลานกางเต็นท์และที่พักเป็นกระต๊อบเล็กๆ ไว้รองรับสำหรับใครที่อยากพักค้างคืน หากต้องการไปช่วงที่มีทะเลหมอกหนาๆ แนะนำให้ไปช่วงเดือนตุลาคม-มกราคม เพราะเป็นช่วงปลายฝนต้นหนาว มีโอกาสเห็นทะเลหมอกได้มากกว่าช่วงฤดูกาลอื่นๆ ส่วนการขึ้นไปที่เขากระโจม ต้องใช้รถขับเคลื่อน 4 ล้อขึ้นเท่านั้น เนื่องจากเส้นทางขึ้นเขากระโจมสูงชันและสมบุกสมบันมาก บางช่วงยังต้องลุยน้ำที่สูงเกือบครึ่งคันรถ สามารถเลือกใช้บริการรถขึ้นเขาที่จอดอยู่บริเวณทางขึ้นได้ มาชมวิวเทือกเขาตะนาวศรี ทะเลหมอกจากทางฝั่งพม่า ที่สำคัญยังได้นอนนับดาวที่เต็มท้องฟ้าน่าอิจฉาสุดๆ

 

ขอบุคณภาพจาก: ฅนรักป่า เขากระโจม สวนผึ้ง ( เขากระโจม สวนผึ้ง)

Location: ต.สวนผึ้ง อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี
Phone: 087 135 8623, 086 102 8386 (กลุ่มรักษ์เขากระโจม)
Price: ค่าผ่านขึ้นเขากระโจม รถยนต์เสียค่าบริการ คันละ 50 บาท
– ขึ้นเวลา 04.00-07.00 น.
– ลงในเวลา 07.00-09.00 น.
– ส่วนเวลาตั้งแต่ 09.00-19.00 น.กำหนดให้รถยนต์ขึ้นและลงได้ตามปกติ
– และหลัง 19.00 จะไม่ให้มีการขึ้น-ลง ของรถยนต์

---