เที่ยวไต้หวัน 3 วัน 2 คืน ตะลุยนิวไทเป ฉบับไปเองครั้งแรก Part 1
910 ครั้ง
20 ธ.ค. 2567
910 ครั้ง
20 ธ.ค. 2567
ไต้หวัน หรือ ไทเป ประเทศที่เต็มไปด้วยทั้งประวัติศาสตร์ที่ยาวนานและเต็มไปด้วยสิ่งใหม่ๆ เกาะที่มีภูมิประเทศที่หลากหลายเกิดเป็นความสวยงามที่ธรรมชาติสร้างขึ้น บรรยากาศสบายๆ มีฝนตกเกือบตลอดทั้งปี เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่อยากให้ทุกคนไปลองสักครั้ง วันนี้ทริปเก็ทเตอร์จะพาทุกคนไป เที่ยวไต้หวัน ตะลุยเมืองนิวไทเปจังหวัด จีหลง หรือ Keelung ที่ไต้หวันกับการพาไปทริปแบบ เที่ยวไต้หวัน 3 วัน 2 คืน ตะลุยนิวไทเป ฉบับไปเองครั้งแรก Part 1 ที่ใครๆ ก็สามารถตามรอยไปเช็คอินแลนด์มาร์กใหม่ๆ ได้ก่อนใคร
ก่อนเริ่มทริปเรามาเตรียมความพร้อมกับ สิ่งที่ต้องเตรียมก่อนไปไต้หวัน สำหรับคนที่ไปครั้งแรกกันเถอะ !
1.หนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) ที่มีอายุการใช้งานเหลือไม่น้อยกว่า 6 เดือน
2.จองตั๋วเครื่องบินและที่พัก
3.เอกสารการจองที่พักและเอกสารการจองตั๋วเครื่องบินไป-กลับ
4.ใบผ่านเข้า ตม. สำหรับประเทศไต้หวันสามารถกรอกล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์
>> https://niaspeedy.immigration.gov.tw/webacard/ << การกรอกแบบออนไลน์ผ่านเว็บไซต์สามารถกรอกด้วยตัวเองได้ล่วงหน้าถึง 1 เดือน ก่อนถึงวันเดินทาง หรือจะกรอกตอนก่อนรอขึ้นเครื่องบิน เมื่อกรอกเสร็จแล้วข้อมูลจะถูกส่งมายังอีเมลของเราให้เราเปิดผ่านโทรศัพท์โชว์หน้า ตม. ได้เลย หรือใครที่สะดวกกรอกแบบกระดาษปกติเหมือนการเข้าประเทศอื่นๆ ซึ่งจะมีแจกจากแอร์โฮสเตสบนเครื่องบิน หรือหยิบได้ที่หน้าเคาน์เตอร์ ตม. ทั้งแบบออนไลน์และแบบกระดาษจะต้องกรอกข้อมูลทั้งหมดเป็น ภาษาอังกฤษ เท่านั้น!!
เราเริ่มต้นการเดินทางกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ มุ่งหน้าสู่ประเทศไต้หวันเมืองไทเปไปยังสนามบิน Taiwan Taoyuan International Airport กับสายการบิน EVA Airlines เราบินไฟลต์ดึกใช้เวลาเดินทางจากไทยถึงไต้หวันประมาณ 3.30 ชั่วโมง ถึงไต้หวันในช่วงเช้า ลงเครื่องมาแบบตื่นปุ๊บก็ เที่ยวไต้หวัน ปั๊บ!! และทริปนี้เราไปกับสำนักงานท่องเที่ยวไต้หวัน ไปกันแบบแฟมิลี่ทริป ที่ได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นสุดละมุนใจและได้พบเจอทำความรู้จักกับเพื่อนร่วมเดินทางใหม่ที่หลากหลายและมากมายประสบการณ์ สุขสนุก ตื่นเต้น ตลอดทั้งทริป
เพื่อนๆ สามารถเช็คอินได้ด้วยตัวเอง (Self Check-in) ผ่านเครื่อง Kiosk Machine ที่ให้บริการในสนามบินมองหาได้ง่ายๆ ผู้โดยสารสามารถทำการเช็คอินล่วงหน้าได้ตั้งแต่ 24 ชั่วโมง ถึง 1 ชั่วโมงก่อนเวลาเดินทาง กรณีที่มีกระเป๋าสัมภาระ เพื่อนๆ สามารถ Print tag กระเป๋าได้ด้วยตนเองผ่านเครื่อง Kiosk ได้เลย และนำกระเป๋าไปโหลดด้วยตนเอง (Self-Bag Drop ) ณ เคาน์เตอร์ Row R สะดวกสบายรวดเร็วไม่ต้องต่อคิวนาน
เมื่อแลนด์ดิ้งถึงสนามบิน Taiwan Taoyuan International Airport เรารู้สึกว่าสนามบินสะอาดกว้างขวางมากและไม่แออัดเลยสักนิด ห้องน้ำดีถูกสุขอนามัย ป้ายบอกทางก็หาง่ายสุดๆ ไม่ต้องกลัวหลง มีภาษาอังกฤษตลอดทาง และเวลาที่ประเทศไต้หวันจะเร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง ค่าเงินไต้หวันจะเป็นเงินดอลลาร์ไต้หวันใหม่ TWD ซึ่งจะใกล้เคียงกับค่าเงินไทย แทบไม่ต้องคำนวนความแตกต่างของค่าเงิน สามารถเดินทาง เที่ยวไต้หวัน และช้อปปิ้งกันได้แบบสบายๆ
เรารับกระเป๋าและเดินพุ่งตรงไปยังเคาน์เตอร์ Taiwan Lucky Land แคมเปญสุ่มแจก Voucher มูลค่า 5,000 TWD!! สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมา เที่ยวไต้หวัน แน่นอนว่าสายเสี่ยงโชคอย่างเราไม่พลาดอย่างแน่นอน แต่ว่าเพื่อนๆ ต้องลงทะเบียนล่วงหน้า 1-7 วัน ก่อนเดินทางมาไต้หวันผ่านเว็บไซต์ https://5000.taiwan.net.tw/ นะ และเมื่อลงทะเบียนสำเร็จ ระบบจะส่ง QR code สำหรับลุ้นรับเงินรางวัล ไปที่อีเมลที่ลงทะเบียนโดยอัตโนมัติ เมื่อเดินทางถึงไต้หวันเพื่อนๆ สามารถใช้ QR code ที่ได้รับจากระบบ พุ่งตรงไปยังเคาน์เตอร์ Taiwan Lucky Land บริเวณโถงผู้โดยสารขาเข้า นำไปลุ้นโชครางวัลภายในวันที่ทุกคนเดินทางไปถึงได้เล้ย!!
พร้อมลุย!! สำหรับ ทริป เที่ยวไต้หวัน 3 วัน 2 คืน ที่นิวไทเปจังหวัด จีหลง โลด!
ลุยกับที่แรกเลยคือ เมืองนิวไทเปจังหวัด จีหลง หรือ ชื่อสากลคือ Keelung ที่ Heping Island Geopark อุทยานเกาะเหอผิงตั้งอยู่ในเมืองจีหลงอยู่ทางเหนือของไต้หวัน ใช้เวลาเดินทางจากไทเปประมาณ 1.30 ชั่วโมง สวยเหมือนหลุดออกมาจากอนิเมะ เดินเล่นกินลมชมวิวและยังสามารถดำน้ำได้อีกด้วยนะ มีหินรูปทรงแปลกตามากมายเหมาะสำหรับถ่ายรูปสุดๆ วิวท้องฟ้าสีครามตัดกับน้ำทะเลอะเมซิ่งหินธรรมชาติ วิธีการเดินทางจากสนามบินเถาหยวนไปเหอผิงนั่นไม่ยากเลย เราขอแนะนำให้เพื่อนๆ ประหยัดเวลาในการเดินทางด้วยการ นั่งรถไฟความเร็วสูงจากสนามบิน Taoyuan Airport MRT ไปยังสถานี Taoyuan HSR Station (ประมาณ 20 นาที) ต่อรถไฟความเร็วสูง (THSR) ไปสถานี Taipei Main Station (ประมาณ 20 นาที) สามารถจ่ายได้ด้วยบัตร Easy Card บัตร Travel Card หรือใครที่ไม่มีก็ไม่ต้องกังวล เราสามารถซื้อ IC Card Vending บัตรเติมเงินที่สามารถแตะจ่ายได้ทั้งรถไฟฟ้า รถเมล์ และร้านสะดวกซื้อ หรือจะเลือกใช้เงินสดซื้อตั๋วจากตู้จำหน่ายตั๋วได้เลย
ซื้อตั๋วค่าเข้าคนละ 120 ดอลลาร์ไต้หวัน ทุกคนสามารถนั่งรถไฟธรรมดา (TRA) มาลงที่สถานี Keelung ต่อรถบัส Keelung City สาย 101 มาลงที่หน้าป้าย Heping Island Park
อีกทั้งที่นี่ยังมีกิจกรรมทางน้ำ เช่น เซิร์ฟบอร์ด หรือสำหรับใครที่อยากเล่นน้ำเพื่อนๆ สามารถเตรียมชุดว่ายน้ำมาเล่นน้ำได้ ที่นี่จะเป็นสระว่ายน้ำธรรมชาติ ตัวสระว่ายน้ำจะเป็นน้ำทะเล อุณหภูมิจะเปลี่ยนไปตามสภาพอากาศ ซึ่งบรรยากาศมีลมพัดตลอดทั้งวัน
ตอนเราไปคือลมแรงสะบัดเพื่อนๆ อาจจะต้องระวังหมวกหรือทรงผมปลิวนิดนึงนะ
เราเดินทางต่อมายัง Zhengbin Port Color Houses ใกล้ๆ กับ Heping Island Geopark เมืองที่สวยเหมือนอยู่ เวนิส อิตาลี อาคารบ้านเรือนที่ถูกตกแต่งทาสีสดใสหลากหลายสี ที่เที่ยวใหม่ของไต้หวัน เพื่อนๆ สามารถเดินทางจากเหอผิง Zhengbin Port Color Houses มายังจากสถานี Keelung ไปยัง ป้ายรถบัส Zhongyi Station ขึ้นรถบัสสาย 101 หรือ 103 ลงที่ป้าย Zhengbin Fishing Port แล้วเพื่อนๆ เดินต่ออีกประมาณ 3-5 นาที ก็จะถึงจุดชมวิวบ้านสีสันสดใส ที่มีร้านอาหารและคาเฟ่ริมท่าเรือที่น่านั่งพักผ่อนหย่อนใจ สามารถแวะพักผ่อนพร้อมชมวิวได้
เวนิส อยู่ใกล้เราเพียงแค่เอื้อม จะถ่ายรูปมุมไหนก็สวย สีอาคารที่ตัดกับสีของน้ำวิวสวยมากๆ
เดินผ่านจาก Zhengbin Fishing Port มาอีกนิด จะพบกับมุมถ่ายรูป ณ ป้ายรอรถบัส T-HAM Taichuregoubaogong Station, Taiwan จุดเช็คอินใหม่ของนิวไทเป เห็นเพียงแว๊บเดียวก็ต้องกดแช๊ะถ่ายรูปเช็คอินกับป้ายรถเมล์สุดชิค ไม่ว่าจะถ่ายมุมไหนก็ดูเก๋ สีสันสดใสดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ชอบการถ่ายรูปอย่างเราๆ ได้มากเลยล่ะ
เดินทางกันมาตั้งแต่เช้าท้องก็เริ่มร้อง มาเที่ยวไต้หวันทั้งทีเราจะพลาดชิมอาหารรสมือไต้หวันแท้ๆ ได้ยังไงเราจึงเลือกไปกิน อาหารมังสวิรัติ มื้อกลางวันสไตล์ไต้หวันที่ภัตตาคารอาหารมังสวิรัติ Qun Xian ร้านอาหารไต้หวันแบบดั้งเดิมที่มีชื่อเสียง กินง่าย ถูกใจสายรักสุขภาพไปเที่ยวแบบไม่ต้องกลัวอ้วน บรรยากาศของร้านมีการตกแต่งที่ทันสมัยและหรูหราสุดๆ โล่งโปร่งสบาย
บรรยากาศภายในร้านให้ฟีลภัตตาคารอาหารเหลามาก เหมาะมาแบบครอบครัวใหญ่
มาทั้งทีเราเลือกที่จะสั่งเป็นเมนูแนะนำยอดฮิตที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่น ที่เห็นอยู่นี่แทบจะไม่เชื่อเลยว่าเป็นอาหารมังสวิรัติทั้งหมด รสชาติไม่จัดจ้านจนเกินไป กินกับข้าวสวยร้อนๆ ได้เข้ากันสุดๆ
ร้านตั้งอยู่ในย่านที่มีการคมนาคมสะดวก มองเห็นวิวเมืองจีหลงจากบนร้านได้เลยนะ สามารถเดินทางได้โดยรถไฟฟ้า MRT หรือรถแท็กซี่จากจุดต่างๆ ในเมืองนิวไทเปได้เลย
เราพาเพื่อนๆ มาเช็คอินกันที่ป้าย Keelung Landmark ที่คุ้นๆ เหมือนหลุดออกมาจากฮอลลีวู๊ด แลนด์มาร์กอะเมซิ่งไต้หวัน จุดเช็คอินสุดแกรนด์ของจีหลงเมื่อมา เที่ยวไต้หวัน
มุมถนนสุดเก๋ที่เหมือนหลุดออกมาจากซีรีย์ไต้หวัน
ไปกันต่อที่ YM Oceanic Culture & Art Museum (YMOCAM) พิพิธภัณฑ์แสดงและอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมทางทะเล ภายในมีพื้นที่กว้างขวางให้เพื่อนๆ ได้เดินเยี่ยมชมนิทรรศการเกี่ยวกับประเพณีการเดินเรือ การประมง และชีวิตของชาวทะเล และโมเดลเรือหลากหลายรูปแบบ และกิจกรรมเพื่อการศึกษาอีกมากมายในพิพิธภัณฑ์ให้ได้เรียนรู้
ชั้นล่างของพิพิธภัณฑ์เป็น Coffee Shop ที่ให้ฟีลเหมือนอยู่ยุโรป สำหรับใครที่อยากเติมพลังด้วยคาเฟอีน
เราแอบหามุมถ่ายรูปจึ้งๆ หน้าพิพิธภัณฑ์มาฝากเพื่อนๆ ด้วยล่ะ
เดินทางมาถึงมื้อเย็น เราพามาเติมพลังกันด้วยร้าน Shang Pin Wu Exquisite Shabu Shabu เราเลือกสั่งเป็นชุดชาบูแยกหม้อ ที่มีให้เลือกแบบหลากหลาย สำหรับสายเนื้อสัตว์ สายซีฟู้ด มีทั้งผักท้องถิ่นและผักนำเข้าหลายชนิด เมนูจะมาแบบเป็นเซ็ต สำหรับคนไทยที่มา เที่ยวไต้หวัน อย่างเราสิ่งที่ขาดไม่ได้ในการกินชาบูเลยก็คือน้ำจิ้ม ซึ่งทางร้านมีน้ำจิ้มให้เพื่อนๆ ได้โชว์ฝีมือปรุงเองตามใจชอบ แต่สำหรับใครที่ไม่เคยปรุงทางร้านมีพนักงานบริการที่มีความเชี่ยวชาญในการช่วยปรุงอาหารและแนะนำการจับคู่รสชาติน้ำจิ้มที่ลงตัว
เราสั่งเป็นเซ็ตหมูและซีฟู้ด และมีผักท้องถิ่นนิดหน่อย รสชาติแปลกใหม่ดี บวกกับน้ำซุปที่ซดแบบคล่องคอสุดๆ
ใครที่เป็นสายสตรีทฟู้ด ชอบเดินกิน เดินเที่ยว พบปะผู้คน เสพกลิ่นความเป็นไต้หวัน สายเดินเที่ยวไป กินไป ต้องชอบแน่ๆ กับ Miaokou Night Market หรือที่เรียกเป็นภาษาไทยว่า ตลาดกลางคืนเมี่ยวโข่ว ภายในตลาดคึกคักละก็มีของกินมากมาย เพราะจะมีรถเข็นมากกว่า 200 คัน!! มาตั้งเรียงรายอยู่ข้างถนนให้เพื่อนๆ ได้เลือกซื้อ ชิม ช้อป ราคาย่อมเยาสบายกระเป๋า บอกเลยว่าของกินเยอะจนตาลาย เลือกร้านไม่ถูกกันเลยทีเดียว
ช่วงหัวค่ำคือคนเยอะมาก แต่ร้านค้าก็เยอะมากเช่นกัน ใครอยากมาหาของกินรับรองว่ากินจนพุงแตกแน่นอน
ระหว่างทางเดินในตลาดไม่ได้มีแค่สตรีทฟู้ดนะ ยังมีกิจกรรมเกมส์ยิงลูกดอก ปาเป้า แลกของรางวัลให้เลือกอีกเยอะแยะเรียงรายตามทางใครที่พกเด็กๆ ไปเที่ยวด้วยรับรองว่ามีกิจกรรมให้น้องๆ ได้เล่นสนุกกันแน่นอน
อาหารน่ากินสุดๆ รสชาติใกล้เคียงกับไทยมาก เราเชื่อว่าทุกคนที่ไป เที่ยวไต้หวัน ต้องเอ็นจอยอีทติ้งเหมือนเราแน่นอน
เดินเล่นมาเรื่อยๆ ก็มาถึงที่พักในคืนแรกของเรา นั่นก็คือ โรงแรม Harbor View Hotel
ห้องพักกว้างขวางและสะอาดมาก เรียกว่าพอหัวเราถึงหมอนปุ๊บเราก็หลับปุ๋ยไปเลย
ครั้งนี้เราเลือกห้องฝั่งด้านข้างที่สามารถมองเห็นไฮไลท์ป้าย Keelung จากมุมวิวห้องพักทางหน้าต่างได้ด้วยนะ
เช้าวันที่ 2 เราเก็บกระเป๋าแล้วเตรียมตัวออกเดินทาง เราเริ่มต้นอาหารเช้าที่ร้านซาลาเปาโลคอลสุดขึ้นชื่อของที่นี่ คือ ร้าน Yonghe doujiang อยู่ห่างจากโรงแรม Harbor View Hotel ประมาณ 40 นาที ทำกันสดๆ ร้อนๆ ที่หน้าร้าน จุดเด่นเลยคือเนื้อซาลาเปามีความนุ่ม หนึบสู้ฟันมากขอแนะนำร้านนี้ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของทุกคนเลย ต้องมาลองให้ได้นะ
ภายในร้านไม่ได้ขายแค่ซาลาเปานะ ยังมีเกี๊ยวซ่า และเมนูที่เราว่าคล้ายกับขนมหัวผักกาดบ้านเราเลยล่ะ ขนมร้อนๆ หอมกรุ่นจากเตา ทำใหม่สดๆ กับบรรยากาศเย็นๆ ยามเช้าที่เข้ากันสุดๆ
กินอาหารเช้ากันอิ่มแล้ว เราพามาเดินย่อยที่แรกของวันที่ 2 กันที่ Shuiwei Fishing Harbor หรือเรียกว่า ท่าเรือประมงสุยเหว่ย เป็นอีกหนึ่งในท่าเรือประมงที่สำคัญของไต้หวัน ขึ้นชื่อในเรื่องอาหารทะเลที่สดใหม่มาจากทะเลโดยตรงเพราะเราสามารถการตกปลาเองสดๆ ได้เลย ตอนเราไปวิวสวยมาก สวยทุกมุม มองเห็นวิวชัดระดับ HD จะถ่ายรูปมุมไหนก็สวยไปหมด
เราสามารถยืนถ่ายรูปอยู่บนโขดหินได้แบบไม่มีลื่นเลยสักนิด บวกกับเสียงคลื่นทะเลเย็นๆ ที่ซัดเข้าหน้าเล็กๆ ทำให้เราสูดกลิ่นของชายหาดได้แบบเต็มปอด
มาเยือนเกาะไต้หวันทั้งที เราพามาดูความสวยงามที่ธรรมชาติสร้างขึ้นที่ The Mysterious Coast จุดเด่นของที่นี่เลยก็คือ หินที่ถูกกัดเซาะโดยธรรมชาติ ซึ่งจะเกิดเป็นรูปร่างต่างๆ ทุกคนสามารถจินตนาการได้เลยว่าหินมีลักษณะคล้ายกับอะไรบ้าง ที่นี่ค่อนข้างเงียบสงบ เหมาะแก่การพักผ่อนเดินเล่นชิลล์ๆ น้ำทะเลที่ใสสะอาดบวกกับวิวที่สวยงามที่ธรรมชาติสร้างขึ้น ให้เพื่อนๆ ได้ชาร์จพลังกับการมา เที่ยวไต้หวัน ได้แบบร้อยเปอร์เซ็นต์!
สูดกลิ่นทะเลกันจนเต็มปอดกันแล้วเราก็พาเพื่อนๆ มาเดินเล่นต่อกันที่สวนสาธารณะ Shimen Kite Park และแน่นอนว่าตามชื่อเลยก็คือเป็นสวนสาธารณะที่มีชื่อเสียงในการเล่นว่าว มีพื้นที่กว้างขวางให้เดินวิ่ง รับลมเย็นๆ และมีวิวที่สวยงามของ อ่างเก็บน้ำ Shimen ทิวทัศน์ธรรมชาติรอบๆ เหมาะสำหรับการไปปิกนิกเล็กๆ ช่วงเวลาที่คึกคักของที่นี่คือช่วงกลางวันเพราะจะมีลมพัดตลอด บวกกับอากาศที่แจ่มใสเหมาะกับคนที่ชอบกิจกรรมกลางแจ้ง แต่ตอนที่เราไปเสียดายมากที่ไม่มีการเล่นว่าว แต่เราไม่พลาดที่จะเก็บภาพบรรยากาศของปากถ้ำ Shimen Cave มาฝากทุกๆ คน
พาทุกคนมูฟมาที่ Fuguijiao, Taiwan หรือ ประภาคารฟู่กุ๊ยเจี่ยว เป็นประภาคารที่ตั้งอยู่เหนือสุดของไต้หวันมองจากพื้นดินสามารถเห็นวิวทะเลได้สุดลูกหูลูกตา เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กที่ต้องมาให้ถึง และจะมีอุโมงค์ที่สามารถลงให้เราไปดูวิวได้ แต่แอบเตือนว่าใครที่ใส่หมวกหรือแว่นตามา ระวังปลิวนะ เพราะลมแรงมาก! เพื่อนๆ สามารถเดินทางมาโดยขึ้นรถบัสสาย 862 หรือ 863 จากสถานี Tamsui MRT Station ลงที่ป้าย Shimen Visitor Center หรือ Fugui Cape เดินต่อประมาณ 20-30 นาทีตามทางยังประภาคาร
อีกหนึ่งไฮไลท์ของที่นี่เลยคือ หลุมอุโมงค์ที่สามารถเดินลงไปแล้วจะสามารถมองเห็นวิวทะเลสีฟ้าคราม ตัดกับหญ้าสีเขียวที่เหมือนหลุดออกมาจากในทีวีเลยล่ะ แอบเตือนว่าต้องระวังหัวชนคานหน่อยนะ
ระหว่างทางที่เดินไปประภาคารต้องบอกเพื่อนๆ ก่อนว่าสามารถเดินไปได้ทั้ง 2 ทาง มีทางเดินที่เป็นพื้นเรียบเดินง่ายสะดวก กับทางเดินที่จะต้องเดินจะผ่านหาดทรายสำหรับคนที่อยากเดินแบบกินลมชมวิว บรรยากาศสวยๆแบบนี้ แน่นอนว่าเราแอบแช๊ะภาพระหว่างทางเดินตรงหาดทรายมาฝากเพื่อนๆ กันด้วย
อีกหนึ่งท่าเรือในประวัติศาสตร์ของไต้หวัน ที่มีชื่อเสียงในเรื่องของอาหารทะเลสด Fuji Fishing Harbour หรือ ท่าเรือฟู่จี เป็นศูนย์กลางการค้าอีกหนึ่งที่ของไต้หวัน เพื่อนๆ จะสังเกตได้ว่าตัวอาคารมีลักษณะรูปทรงเหมือนหมวกเม็กซิกัน สวย แปลกตา คือจุดเด่นดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชม และอาหารทะเลของที่นี่นั้นสดมาก เพราะชาวประมงจะนำของทะเลมาขายกันที่ตลาดสดๆ ในช่วงเช้า สามารถเลือกซื้อและให้ร้านทำให้กินได้เลยสดๆ แบบฉ่ำๆ หรือถ้าใครอยากกินอาหาร ที่นี่ก็มีร้านอาหารหลายร้าน ให้เราได้เลือกสั่งมากมาย
อาคารที่มีรูปทรงเหมือนหมวกเม็กซิกันสีเขียว เป็นอาคารตลาดปลาที่สดขึ้นจากเรือ มีร้านค้าหลายร้านมาก เราเดินเลือกจนตาลาย
อาคารที่มีรูปทรงเหมือนหมวกเม็กซิกันหลากสีที่มีจุดเด่นเป็นสีส้มแบบนี้ เป็นอาคารที่มีร้านอาหาร สามารถเลือกกินได้แบบจุกๆ
Fufu Dingshan Shell and Coral Temple หรือที่เราเรียกว่า วัดเปลือกหอย แน่นอนว่าชื่อวัดขนาดนี้ จุดเด่นและไฮไลท์ของวัดจะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้เลยนอกจากเปลือกหอย ความสวยงามสุดอันซีนภายในวัดมีการนำปะการังและเปลือกหอยจำนวนมาก มาตกแต่งให้ผู้มาเยือนได้มีความตื่นตาตื่นใจ และสำหรับสายมู วัดนี้ถือเป็นวัดยอดนิยมสำหรับคนท้องถิ่นที่มักจะศรัทธาและมาขอพรกับ องค์เทพเจ้าจี้กง เรื่องโชคลาภตามความเชื่อ
แอบกระซิบจากคนท้องถิ่นมาว่า พระจี้กงชอบดื่มสุราเป็นชีวิตจิตใจ และวัดที่นี่จะมีหม้อต้มน้ำที่ให้เลือกเป็น น้ำเย็น น้ำร้อน หรือชาร้อน ให้คนที่มาสักการะบูชา ดื่มก่อนที่จะกลับเพื่อความเป็นสิริมงคลในชีวิตด้วยนะ
พาเพื่อนๆ มาเช็คอินกันต่อที่สะพาน Zhilan Park Ocean Viewing Platform สะพานที่ขึ้นชื่อว่าเป็นจุดถ่ายภาพพรีเว้ดดิ้งของคู่รักยอดนิยม และยังเป็นสถานที่ใช้ถ่ายทำซีรี่ย์หรือหนังอีกหลายๆ เรื่อง ดื่มด่ำกับบรรยากาศริมทะเลสุดโรแมนติก สามารถชมพระอาทิตย์ตกรับแสงยามเย็น วิวสวยแบบพาโนรามาที่จะมองไปทางไหนก็สวย
มีร้านค้าเล็กๆ ขายของกินเล่นสุดคึกคักบริการผู้ที่มาท่องเที่ยวด้วยนะ ได้นั่งกินไปด้วยชมวิวติดทะเลไปด้วย ทำให้รู้สึกเหมือนได้เดินเล่นอยู่ในแอเรียที่เติมพลังชีวิตที่สุดแสนจะมีเสน่ห์และมีเอกลักษณ์ไปด้วยใจฟูสุดๆ
Yuan-Dao Guanyim Temple หรือ วัดกวนอิมหยวนเต้า ใครที่นับถือเจ้าแม่กวนอิมกับการมา เที่ยวไต้หวัน ครั้งนี้ต้องไม่พลาดกับวัดนี้แน่นอนเพราะไฮไลท์ของวัดเลยก็คือมีรูปปั้นกวนอิมพันมือพันตา ที่สูงที่สุดในโลก เพียงหนึ่งเดียว ตั้งอยู่บนยอดเขาที่ต้องไปเห็นให้ได้ด้วยตาเนื้อ น่าเลื่อมใสจนขนลุก สัมผัสกับความอลังการได้แบบไม่ผิดหวังแน่นอน เราขอแนะนำว่าวัดนี้ควรจะมาให้ถึงก่อน 16.00 น. เพราะชั้น 4 เป็นชั้นชมวิวที่สามารถมองเห็นเจ้าแม่กวนอิมได้อยู่ตรงหน้าเรา แต่ชั้นชมวิวจะปิดตอน 16.00 น. ใครที่มาถึงหลังจากเวลานี้จะอยู่ได้แค่ชั้น 1 เวลาวัดปิดคือตอน 17.00 น. และเนื่องจากข้างในไม่อนุญาตให้ถ่ายรูป ชมได้แต่รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม
เดินเที่ยวมาเกือบทั้งวัน ร่างกายเริ่มต้องการอาหาร เรามากันที่ร้าน Lao Gang Bing Shi Dim Sum Restaurant หรือ เหลากั่งปิงซื่อติ๋มซำ อีกหนึ่งร้านที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในไต้หวัน โดยมีทั้งคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวแวะเวียนกันไปกินไม่ขาดสาย เพราะที่ร้านมีเมนูติ่มซำที่หลากหลาย
เมนูยอดฮิตอย่าง เสี่ยวหลงเปา ที่เราอยากแนะนำให้เพื่อนๆ ลิ้มลองกัน แต่ก่อนกินต้องเป่าก่อนนะ เพราะข้างในมีน้ำซุปที่ร้อนมาก ระวังลวกปากเอานะทุกคน
มาตบท้าย ที่สุดท้ายของวันที่ 2 ด้วย Tamsui old street หรือ ถนนคนเดินตั้นสุ่ย ถนนคนเดินติดทะเล ใกล้กับท่าเรือตั้นสุ่ยอีกหนึ่งจุดแลนด์มาร์กยอดนิยมสำหรับคนที่มานิวไทเป เพราะที่ถนนคนเดินแห่งนี้ไม่ได้มีแค่ของกินทั่วไป แต่มีทั้งอาหารพื้นเมือง สินค้าพื้นเมือง หรือใครที่กำลังมองหาของฝากกลับไปฝากคนที่บ้านที่นี่ยังมีของฝาก ของที่ระลึกมากมาย ถนนคนเดินที่มีความเก่าแก่ เดินเล่นเพลิดเพลินที่ริมแม่น้ำชมบรรยากาศที่มีเสน่ห์อย่างพระอาทิตย์ตก การันตีเลยว่า ทีนี่รวบรวมความเป็นไต้หวันสไตล์ดั้งเดิมให้ทุกคนได้สูดกลิ่นอายความเป็นไต้หวันแท้อย่างแน่นอน เดินทางง่ายสะดวกเพราะใกล้สถานีรถไฟฟ้าและรถเมล์
เมื่อหนังท้องตึงหนังตาก็หย่อน เราก็มาถึงที่พักของเรา ซึ่งในคืนนี้เราพักกันที่ Sees Revert Hotel เป็นอีกหนึ่งโรงแรมที่เราชอบมาในทริปนี้ เพราะสามารถมองเห็น วิวแม่น้ำ วิวปากอ่าว วิวภูเขา จากห้องพักได้แบบพาโนรามา เหมาะสำหรับการพักผ่อนหลังจากที่เดินเที่ยวจนปวดเมื่อยมาทั้งวัน ห้องพักตกแต่งสไตล์หรูหรา เรียบ โก้ เอ็นจอยสลีปปิ้งได้เติมพลังเที่ยวต่อในวันพรุ่งนี้
วิวของถนนที่สามารถมองเห็นได้จากห้องพัก เห็นรถไฟแล่นผ่านเหมือนหลุดมาจากโลกเว็บตูน บวกกับวิวต้นไม้และภูเขาที่เขียวชะอุ่มมาก
เป็นอย่างไรกันบ้าง พาร์ทแรกกับ เที่ยวไต้หวัน 3 วัน 2 คืน ตะลุยนิวไทเป ฉบับไปเองครั้งแรก Part 1 นี่แค่น้ำจิ้มที่ทางทริปเก็ทเตอร์เอามาฝาก สำหรับเพื่อนๆ ที่มีแพลนไป เที่ยวไต้หวัน ต้องรีบเก็บไว้ในลิสต์แล้วล่ะ ความสนุกและตื่นเต้นของทริปนี้ยังไม่หมดแต่เพียงเท่านี้ เพราะเรามียังมี พาร์ท 2 กับ เที่ยวไต้หวัน 3 วัน 2 คืน ตะลุยนิวไทเป ฉบับไปเองครั้งแรก Part 2 ให้เพื่อนๆ ตามไปยังจุดเช็คอิน แลนด์มาร์กที่ไม่ซ้ำกับใคร แบบใหม่แบบสับ ลงรูปก่อนใครในโซเชี่ยล